ผู้สมัคร “บอส อสมท” เตรียมยื่นฟ้องศาลปกคอรง กรณีที่บอรด์ อสม เลือ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท คนใหม่ ไม่เป็นธรรม ชี้สงสัย เงื่อนไข 1,500 ล้านบาท ตั้งมาทำไม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีระบุ
แหล่งข่าวจากกลุ่มผู้สมัครตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท กล่าวกับ “ASTVผู้จัดการรายวัน” ขณะนี้ผู้สมัครตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท หลายราย อยู่ระหว่างการพิจารณาและเตรียมที่จะฟ้องร้องศาลปกครอง ว่าจะมีแนวทางหรือสามารถฟ้องร้องบอรืด อสมท อย่างไรได้บ้าง ถึงกรณีกระบวนการสรรหา ตำแหน่งดังกล่าวของบอร์ด อสมท ไม่เป็นธรรม และไม่โปร่งใส ในกรณีที่บอร์ด อสมท มีมติเป็นเอกฉันท์ที่เลือกนายธนวัฒน์ วันสม เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าว เมื่อไม่นานมานี้ แม้ว่าขณะนี้จะยังอยู่ระหว่างการขั้นตอนดำเนินการก็ตาม
โดยก่อนหน้านี้ มีผู้สมัครตำแหน่งดังกล่าวประมาณ 20 ราย ซึ่งในช่วงหลัง ก็มีผู้สมัครบางรายที่ขอถอนตัวออกไปบ้าง บางรายไม่ผ่านคุณสมบัติตามที่คณะกรรมการสรรหาระบุ ซึ่งในส่วนของผู้ที่ไม่ผ่านคุณสมบัตินั้น ทางคณะกรรมการสรรหา ฯ ได้มีหนังสือส่งมาว่าไม่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น พร้อมกับระบุว่า หากผู้สมัครรายใดไม่พอใจกับคำตัดสินของคณะกรรมการฯก็สามารถไปฟ้องร้องศาลได้ ซึ่งตามหลักการแล้วจะมีเวลาอย่างน้อย 90 วัน หลังจากที่ได้รับหนังสือดังกล่าว
นอกจากนั้นยังตั้งข้อสังเกตุด้วยว่า เงื่อนไขในการสรรหาครั้งนี้ดูเหมือนกับจะไม่เป็นธรรมและไม่เหมาะสม โดยเฉพาะคุณสมบัติบางข้อเช่น ผู้สมัครจะต้องมีประสบการณ์ในการบริหารงานองค์กรที่มีมูลค่าหรือรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้าบบาทขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งตรงนี้ น่าแปลกอย่างมาก เพราะว่า การเปิดรับสมัครในครั้งที่แล้วก็ไม่มีการระบุประเด็นนี้ไว้แต่อย่างใด ซึ่งเหมือนกับว่า ต้องการปิดกั้นใครหรือไม่ เพราะว่าคนที่มีประสบการณ์และความสามรรถด้านน้ดดยตรวงมีมาก แต่อาจจะไม่เคยบริหารงานองค์กรขนาดนี้ จึงทำให้เสียสิทธิไปโดยไม่สมควร
ประเด็นนี้เอง แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า มติของบอรด์ อสมท น่าจะไม่เหมาะสม เนื่องจากว่า แม้ว่านายธนวัฒน์ วันสม จะผ่านการบริหารงานในองค์กรที่ตัวเองระบุว่ามีมูลค่าตามที่เงื่อนไขกำหนดนั้น ไม่น่าจะเป็นจริง เพราะว่า องค์กรที่บริหารเป็นคล้ายกับสำนักงานตัวแทน ไม่น่าจะมีรายได้ขนาดนื้ ถึงแม้ว่า องค์กรด่างๆจะมีหนังสือยืนยันว่าเคยบริหารงานมาก็จริง แต่ยังไม่พอ ต้องส่งรายละเอียดให้ดูว่า บริหารงานและรับผิดชอบมูลค่าถึง 1,500 ล้านบาทโดยตรงมาแสดงให้ชัดเจนด้วย
อีกทั้งประเด็นของการแสดงวิสัยทัศน์นั้น ทำไมไม่เปิดโอกาสให้ผู้สมัครทุกรายได้มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์ ก่อนที่จะตัดสิทธิ์ผู้สมัครด้วยคุณสมบัติบางข้อ รวมทั้งควรจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ด้วยการเปิดกว้างให้พนักงานของ อสมท ได้รับฟังด้วย เพราะเขาเหล่านั้นจะเป็นผู้ที่ต้องทำงานร่วมกับ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท โดยตรง ได้มีส่วนในการตัดสินใจได้ว่า ใครมีวิสัยทัศน์ที่เหมาะสมที่จะมาบริหารองค์กรของพวกเขา
“ผมไม่เห็นด้วยกับบอร์ด อสมท ที่มีมติออกมาอย่างนี้ คือการเลือก นายธนวัฒน์ และรู้สึกผิดหวังกับ ประธานบอร์ด อสมท คือ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ไม่มีการท้วงติง อะไรเลย ซ้ำร้ายยั’บอกอีกด้วยว่า ทางบอร์ด อสมท จะเป็นเสมือนพี่เลี้ยง ที่คอยดูแลการบริหารงานของ นายธนวัฒน์ ให้ ซึ่งตรงนี้ผมว่ามันไม่เหมาะสม มันผิดแล้วผิดแล้วถ้าทำอย่างนัน เพราะในเมื่อถ้าคุณไม่พร้อมแล้วบอร์ดเลือกมาทำไม และยังจะต้องมานั่งดูแลคอยเป็นพี่เลี้ยงให้อีกด้วย อย่างนี้ทำไมไม่เลือกคนอื่นที่มีความเหมาะสมเลย” แหล่งข่าวกล่าว
นายสุวิทย์ มิ่งมล ประธานสหภาพแรงงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เรื่องสัญญาการาต่อสัมปทานช่อง 3 ให้กับบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) นั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง ในฐานะที่นายธนวัฒน์ วันสม ว่าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท จะต้องเข้ามาดูแลและร่วมตัดสินใจกับสัญญาครั้งนี้ด้วย ทั้งจากข้อมูลและการตั้งข้อสังเกตของทางสื่อที่ระบุว่า นายธนวัฒน์ เป็นคนของทางช่อง3 นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ช่วยกันเฝ้าระวังและดูแลผลประโยชน์แก่ทางอสมท ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง กรณีสัญญาสัมปทานช่อง 3 ครั้งนี้ จะเป็นตัวตัดสินชี้วัดว่า นายธนวัฒน์จะทำหน้าที่ได้ดีเพียงใด เพราะหากดูแล้ว อสมท เสียประโยชน์ เชื่อว่า ทางบอร์ดอสมท เอง ก็น่าจะดำเนินการต่อไป แต่ถ้าอสมท ได้ประโยชน์ ข้อกล่าวหานี้ก็น่าจะลดลง
“แน่นอนว่า เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า คนที่จะมาดูแล อสมท จะไม่มีการถูกแทรกแซงจากทางการเมือง แต่อย่างไรก็ตาม หวังว่าคนที่จะมาดูแล จะคิดถึงผลประโยชน์ของ อสมท เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ในฐานะบุคลากรขององค์กร อสมท ขณะนี้ยังไม่มีทัศนะคติกับว่าที่ กก. ผอ.ใหญ่ อสมท คนใหม่ ทุกอย่างยังเป็นศูนย์ ขอดูการทำงานและการมอบนโยบายว่าจะนำพา อสมท ไปทางไหนก่อนจะดีกว่า”
