“นารายณ์พิซเซอเรีย” เปิดเกมรุกหนัก เล็งซื้อแฟรนไชส์ร้านกาแฟ –ซื้อร้านอาหารกึ่งฟาสต์ฟู้ด แบรนด์ใหม่เสริมทัพ ส่วนธุรกิจนารายณ์พิซเซอเรียชูธงดีลิเวอรี่ พร้อมเปิดใหม่อีก 4 สาขาปีนี้ ดันรายได้รวมโต 20%
นางสาวสรัญญา เปรมสุมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารายณ์ พิซเซอเรีย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจพิซซ่าร้านนารายณ์พิซเซอเรีย เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมขยายธุรกิจอาหารครั้งใหญ่ หลังจากที่ทำนารายณ์พิซเซอเรียมาแล้วกว่า 5 ปี และมีการเติบโตที่ดีหลังจากที่ซื้อกิจการมาจากเจ้าของเดิม เพื่อเป็นการต่อยอดและเสริมสร้างธุรกิจอาหารของบริษัทฯให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วย
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาที่จะซื้อกิจการร้านอาหารกึ่งฟาสต์ฟุ้ดแบรนด์หนึ่ง รวมทั้งการเตรียมที่จะซื้อแฟรนไชส์ธุรกิจร้านกาแฟแบรนด์หนึ่ง เพื่อนำมาต่อยอดกับร้านนารายณ์พิซเซอเรียด้วย คาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ในเร็วๆนี้
“การทำธุรกิจในปีนี้ทุกรายค่อนข้างเหนื่อย ต้องมีการปรับตัว เพราะปลายปีที่แล้ว ยอดขายได้รับผลกระทบเหมือนกันจากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองที่มีปัญหา และคนส่วนใหญ่มักมองว่า พิซซ่าเป็นอาหารที่ฟุ่มเฟือยไม่จำเป็น ไม่ทานก็ได ดังนั้นเราต้องทำการตลากมากขึ้นโดยเฉพาะการทำโปรโมชั่นหรือการออกเมนูใหม่ๆเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้ามาในร้านและสร้างการรับรู้ว่าเรามีมากกว่าพิซซ่าและมีเมนูอาหารที่มีประโยชน์ด้ไว้บริการด้วย ส่วนการขยายธุรกิจด้วยแบรนด์ใหม่ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสร้างการเติบโตได้” นางสรัญญากล่าว
สำหรับแผนการตลาดของนารายณ์พิซเซอเรียปีนี้จะเน้นการทำดีลิเวอรี่มากขึ้น หลังจากที่บริษัทฯเปลี่ยนมาใช้เบอร์โทร 4 หลักคือ 1744 เหมือนผู้ประกอบการรายอื่น จากเดิมที่เป็นเบอร์ 7 หลัก ทำให้สามารถทำตลาดได้เต็มที่ และผู้บริโภคก็จดจำได้ง่ายด้วย ซึ่งการบริการดีลิเวอรี่ในกรุงเทพฯขณะนี้บริษัทฯสามารถครอบคลุมการจัดส่งได้แล้วกว่า 90% บริการช่วงเวลา 10.00-21.00 น. ไม่คิดค่าจัดส่ง สั่งขั้นต่ำมูค่า 150 บาทขึ้นไป
บริษัทฯจะทำการสื่อสารโฆษณามากขึ้นเน้นสื่อทีวี วิทยุ จากเดิมเน้นสื่อสิ่งพิมพ์เป็นหลัก โดยคาดหวังว่าปีนี้รายได้จากดีลิเวอรี่จะเติบโตมากถึง 50% โดยสัดส่วนรายได้ขณะนี้แบ่งเป็น นั่งทานในร้าน 50% และดีลิเวอรี่ 50% ส่วนแผนเปิดสาขาใหม่ปีนี้คาดว่าจะเปิด 5-6 สาขา ลงทุน 3-5 ล้านบาทต่อสาขา ส่วนงบตลาดปีนี้ตั้งไว้ที่ 10 ล้านบาท จากเดิมที่ผ่านมาใช้ปีละ 2-3 ล้านบาทเท่านั้น และเตรียมเปิดสาขาใหม่ที่ถนนสุขุมวิทเป็นแบบสแตนด์อโลน
อย่างไรก็ตามในปีนี้ยังไม่มีแผนที่จะเปิดในปั๊มปิโตรนาส แต่จะเน้นเปิดห้างมากกว่า ซึ่งปีที่แล้วเปิดสาขาใหม่ 4 สาขา คือที่ ถนนราชพฤกษ์ในสนามฟุตซอล, เทสโก้โลตัสรัชดาภิเษก, บิ๊กซีที่นวนคร และที่เยสคอมมูนิตี้มอลล์ที่บางพลี พร้อมกับการรีโนเวต 4 สาขาเก่า ปัจจุบันนารายณ์พิซเซอเรียมี 28 สาขา อยู่ในห้าง 14 สาขา อยู่ในปั๊มปิโตรนาส 10 สาขา และสแตนด์อโลนอีก 4 สาขา คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขาเปิดบริการไม่ต่ำกว่า 35 สาขา
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ คาดว่าจากการรุกตลาดอย่างหนัก คาดว่าจะมีรายได้รวมที่ 200 ล้านบาท จากเดิมปีที่แล้วมีรายได้รวม 150 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 20% ขณะที่ปีที่แล้วมีอัตราการเติบโต 10% เนื่องจากการรุกตลาดดีลิเวอรี่มากขึ้นและการทำโปรโมชั่นมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการบริโภคมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเปิดเกมรุกของนารายณ์พิซเซอเรียในขณะนี้ ถือเป็นการรุกในจังหวะที่รายใหญ่อย่างพิซซ่าฮัทอยู่ระหว่างการปรับกระบวนทัพใหม่หลังจากที่ค่ายเซ็นทรัลไม่ได้ต่อสัญญาการเป็นแฟรนไชส์พิซซ่าฮัทของบริษัท ยัมเรสเตอรองต์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด อีกแล้ว ทำให้เกมรุกของพิซซ่าฮัทค่อนข้างสะดุดเล็กน้อย
นางสาวสรัญญา เปรมสุมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารายณ์ พิซเซอเรีย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจพิซซ่าร้านนารายณ์พิซเซอเรีย เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมขยายธุรกิจอาหารครั้งใหญ่ หลังจากที่ทำนารายณ์พิซเซอเรียมาแล้วกว่า 5 ปี และมีการเติบโตที่ดีหลังจากที่ซื้อกิจการมาจากเจ้าของเดิม เพื่อเป็นการต่อยอดและเสริมสร้างธุรกิจอาหารของบริษัทฯให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นด้วย
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาที่จะซื้อกิจการร้านอาหารกึ่งฟาสต์ฟุ้ดแบรนด์หนึ่ง รวมทั้งการเตรียมที่จะซื้อแฟรนไชส์ธุรกิจร้านกาแฟแบรนด์หนึ่ง เพื่อนำมาต่อยอดกับร้านนารายณ์พิซเซอเรียด้วย คาดว่าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ในเร็วๆนี้
“การทำธุรกิจในปีนี้ทุกรายค่อนข้างเหนื่อย ต้องมีการปรับตัว เพราะปลายปีที่แล้ว ยอดขายได้รับผลกระทบเหมือนกันจากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองที่มีปัญหา และคนส่วนใหญ่มักมองว่า พิซซ่าเป็นอาหารที่ฟุ่มเฟือยไม่จำเป็น ไม่ทานก็ได ดังนั้นเราต้องทำการตลากมากขึ้นโดยเฉพาะการทำโปรโมชั่นหรือการออกเมนูใหม่ๆเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเข้ามาในร้านและสร้างการรับรู้ว่าเรามีมากกว่าพิซซ่าและมีเมนูอาหารที่มีประโยชน์ด้ไว้บริการด้วย ส่วนการขยายธุรกิจด้วยแบรนด์ใหม่ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสร้างการเติบโตได้” นางสรัญญากล่าว
สำหรับแผนการตลาดของนารายณ์พิซเซอเรียปีนี้จะเน้นการทำดีลิเวอรี่มากขึ้น หลังจากที่บริษัทฯเปลี่ยนมาใช้เบอร์โทร 4 หลักคือ 1744 เหมือนผู้ประกอบการรายอื่น จากเดิมที่เป็นเบอร์ 7 หลัก ทำให้สามารถทำตลาดได้เต็มที่ และผู้บริโภคก็จดจำได้ง่ายด้วย ซึ่งการบริการดีลิเวอรี่ในกรุงเทพฯขณะนี้บริษัทฯสามารถครอบคลุมการจัดส่งได้แล้วกว่า 90% บริการช่วงเวลา 10.00-21.00 น. ไม่คิดค่าจัดส่ง สั่งขั้นต่ำมูค่า 150 บาทขึ้นไป
บริษัทฯจะทำการสื่อสารโฆษณามากขึ้นเน้นสื่อทีวี วิทยุ จากเดิมเน้นสื่อสิ่งพิมพ์เป็นหลัก โดยคาดหวังว่าปีนี้รายได้จากดีลิเวอรี่จะเติบโตมากถึง 50% โดยสัดส่วนรายได้ขณะนี้แบ่งเป็น นั่งทานในร้าน 50% และดีลิเวอรี่ 50% ส่วนแผนเปิดสาขาใหม่ปีนี้คาดว่าจะเปิด 5-6 สาขา ลงทุน 3-5 ล้านบาทต่อสาขา ส่วนงบตลาดปีนี้ตั้งไว้ที่ 10 ล้านบาท จากเดิมที่ผ่านมาใช้ปีละ 2-3 ล้านบาทเท่านั้น และเตรียมเปิดสาขาใหม่ที่ถนนสุขุมวิทเป็นแบบสแตนด์อโลน
อย่างไรก็ตามในปีนี้ยังไม่มีแผนที่จะเปิดในปั๊มปิโตรนาส แต่จะเน้นเปิดห้างมากกว่า ซึ่งปีที่แล้วเปิดสาขาใหม่ 4 สาขา คือที่ ถนนราชพฤกษ์ในสนามฟุตซอล, เทสโก้โลตัสรัชดาภิเษก, บิ๊กซีที่นวนคร และที่เยสคอมมูนิตี้มอลล์ที่บางพลี พร้อมกับการรีโนเวต 4 สาขาเก่า ปัจจุบันนารายณ์พิซเซอเรียมี 28 สาขา อยู่ในห้าง 14 สาขา อยู่ในปั๊มปิโตรนาส 10 สาขา และสแตนด์อโลนอีก 4 สาขา คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขาเปิดบริการไม่ต่ำกว่า 35 สาขา
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ คาดว่าจากการรุกตลาดอย่างหนัก คาดว่าจะมีรายได้รวมที่ 200 ล้านบาท จากเดิมปีที่แล้วมีรายได้รวม 150 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 20% ขณะที่ปีที่แล้วมีอัตราการเติบโต 10% เนื่องจากการรุกตลาดดีลิเวอรี่มากขึ้นและการทำโปรโมชั่นมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการบริโภคมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเปิดเกมรุกของนารายณ์พิซเซอเรียในขณะนี้ ถือเป็นการรุกในจังหวะที่รายใหญ่อย่างพิซซ่าฮัทอยู่ระหว่างการปรับกระบวนทัพใหม่หลังจากที่ค่ายเซ็นทรัลไม่ได้ต่อสัญญาการเป็นแฟรนไชส์พิซซ่าฮัทของบริษัท ยัมเรสเตอรองต์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด อีกแล้ว ทำให้เกมรุกของพิซซ่าฮัทค่อนข้างสะดุดเล็กน้อย
