xs
xsm
sm
md
lg

เชสเตอร์กริลล์เบรกลุยตปท.ซุ่มเข้าปั๊มบางจากลดต้นทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เชสเตอร์กริลล์ รอเศรษฐกิจฟื้น ขอเบรกการลงทุนในต่างแดนไปอีก 2 ปี เน้นลุยในประเทศให้เต็มที่ เล็งขยายสู่ปั้มบางจากเสริมทัพปตท. หลังพบการตอบรับดีเกินคาด ส่วนทั้งปีเปิดเพิ่มแน่อีก 20 สาขาในทุกช่องทาง พร้อมชูกลยุทธ์เมนูคุ้มค่า ถูกกว่าคู่แข่ง 3-5% มั่นใจสิ้นปีรายได้แตะ 1,400 ล้านบาท เติบโต 20%

นายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ ฟู้ด จำกัด เปิดเผยว่า แผนการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเชสเตอร์กริลล์ไปยังต่างประเทศ ขณะนี้ได้ชะลอแผนดังกล่าวออกไปก่อนอย่างน้อย 2 ปี หรือจนกว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะฟื้นเต็มที่ ขณะที่นักลงทุนในหลายๆประเทศให้ความสนใจติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ไปเปิดในหลายๆประเทศไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซียรวมไปถึงบังคลาเทศ ทั้งนี้หากจะต้องขยายสาขาไปต่างประเทศจริง จะไปในลักษณะของการให้มาสเตอร์แฟรนไชส์ สำหรับนักลงทุนที่เจรจาร่วมกัน โดยทางนั้นสามารถขายแฟรนไชส์ต่อได้ แต่ขณะนี้ขอดูสถานการณ์ต่างๆก่อน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการลงทุนในประเทศ บริษัทยังเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง รวมอีก 20-25 สาขา หรือภายในสิ้นปีน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 170 สาขา จากปัจจุบัน เปิดให้บริการอยู่แล้วกว่า 147 สาขา เป็นสาขาภายในปั้มน้ำมันปตท. 18 สาขา แบ่งเป็น 15 สาขาในกรุงเทพ และอีก 3 สาขา ในต่างจังหวัด คือ ชัยนาท เพชรบุรี และ พิษณุโลก ทีเหลือคือกรุงเทพฯและปริมณฑล

โดยในส่วนของสาขาในช่องทางปั้มน้ำมันนี้ ทางบริษัท ตั้งเป้าขยายสาขาให้ได้ 20% ของจำนวนปั้ม ปตท.ทั่วประเทศ อีกทั้งขณะนี้ยังมีการศึกษาเพิ่มเติมที่จะเข้าไปเปิดให้บริการในปั้มน้ำมันบางจากต่อจากนี้ด้วย โดยขณะนี้ทดลองเปิดให้บริการแล้ว 1 สาขา แถวแยกถนนจันทร์ คาดว่าภายในไตรมาสสี่หรือต้นปีหน้า จะเข้าไปให้บริการในปั้มน้ำมันบางจากได้มากขึ้นซึ่งจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งของช่องทางปั้มน้ำมันต่อ่อจากปั้มปตท.ได้

สำหรับการลงทุนขยายสาขาในปั้มน้ำมันนี้ จะอยู่ที่สาขาละประมาณ 3.5-4 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 90-100 ตารางเมตร ขณะที่การเปิดร้านปกติจะลงทุนราว 5 ล้านบาท พื้นที่ 130-150 ตารางเมตร ทั้งนี้การเปิดร้านรูปแบบปั้มน้ำมัน คุ้มทุนเร็วกว่า ยอดการขายดีกว่าเมื่อเทียบกับร้านปกติ เหตุเพราะพฤติกรรมลูกค้าเริ่มเปลี่ยนไป นิยมซื้อกลับหรือจะใช้บริการในช่วงเวลาเร่งด่วนเป็นหลัก

ส่วนเชสเตอร์ คอฟฟี่ ในปีนี้ ยังเดินหน้าขยายเพิ่มอีก 20 สาขา ภายในร้านเชสเตอร์ กริลล์ ที่มีพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร

นอกจากนี้ในส่วนของเมนูอาหารนั้น ปีนี้จะเน้นเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคา และเมนูซีซันนอลเพิ่มขึ้น โดยยังคงเมนูปกติไว้ที่ 22 เมนู ขณะที่เมนูซีซันนอลปีนี้มีเพิ่มขึ้นเป็น 5-6 รายการ จากปีก่อนอยู่ที่ 4 รายการ ซึ่งราคาในการจำหน่ายนั้น เทียบกับคู่แข่งแล้ว จะถูกกว่า 3-5% ส่วนเมนูปกติยังไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างไร

สำหรับงบการตลาดปีนี้ยังคงใช้ที่ 50 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน มุ่งเน้นในเรื่องของเซอร์วิส และความคุ้มค่าที่จะมอบให้ลูกค้ามากขึ้น เน้นขยายฐานลุกค้าไปยังกลุ่มวัยรุ่นทั้งในรูปแบบของการใช้พรีเซนเตอร์ และการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมไปถึงการปรับแต่งรูปแบบร้านให้มีความสดใสมากขึ้น มั่นใจว่าสิ้นปีบริษัทจะยังมีการเติบโตที่ 20% คิดเป็นมูลค่าที่ 1,400 ล้านบาทได้แน่ ขณะที่ไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา ยังมีการเติบโตได้ดีอยู่ราว 15%

อย่างไรก็ตามการแข่งขันของธุรกิจฟาสต์ฟู้ดมูลค่า 15,000 ล้านบาท ปีนี้จะมุ่งในเรื่องของการบริการ และความหลากหลายของเมนู และความคุ้มค่าคุ้มราคา โดยทั้งปีเชื่อว่าตลาดจะยังเติบโตที่ 3-5% ทั้งนี้ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า เชสเตอร์ กริลล์ คาดหวังที่จะขึ้นเป็นอันดับ 4 ในกลุ่มแบรนด์ร้านฟาสต์ฟู้ดที่ลูกค้านึกถึง จากปัจจุบัน ผลการสำรวจของนิตยสารแบรนด์เอจ พบว่าร้านฟาสต์ฟู้ดอันดับ 1 ที่ลูกค้านึกถึง คือ เอ็มเค 2.เคเอฟซี 3.แมคโดนัลด์ 4.ฟูจิ 5.เดอะพิซซ่า คอมปานี และ 6.เชสเตอร์ กริลล์ ตามลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น