สตาร์แฟชั่น ปรับกลยุทธ์นำเข้าสินค้าเน้นจุดขายตอบสนองผู้บริโภคเจาะไฮเอนด์ หวั่นสินค้าแฟชั่นผกผันตามเศรษฐกิจ รุดนำเข้ารองเท้าฟิทฟลอป สร้างตลาดรองเท้าเพื่อการออกกำลังกาย หวังเป็นพระเอกเรือธงสร้างรายได้โดยรวมโต 5% หรือ 1,050 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกรายได้ไม่เติบโต
นายวิฑูรย์ ตติยมณีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์แฟชั่น จำกัด ผู้นำเข้ารองเท้าฟิทฟลอป เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจการนำเข้าสินค้าแฟชั่นจำหน่ายในประเทศไทย ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทมุ่งเน้นการเลือกสินค้าที่มีจุดขายตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับสินค้าแฟชั่นจะผกผันตามเศรษฐกิจ ขณะที่สินค้าแบรนด์ไทย “ฮาร์ซาร์ด” สร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่ง จากปัจจุบันเป็นสินค้าเรือธงสร้างรายได้มากกว่า 50%
ผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมตลาดสินค้าแฟชั่นได้รับผลกระทบ ทำให้ตลาดแข่งขันทำโปรโมชันมากกว่า 50-60% เพื่อช่วงชิงกำลังการซื้อจากลูกค้า ส่งผลให้กำไรของผู้ประกอบการลดลง 10-15% สำหรับภาพรวมตลาดรองเท้าโดยรวมลดลง โดยพบว่ารองเท้าแฟชั่นแข่งขันอย่างรุนแรง จากการมีผู้เล่นในตลาดสัดส่วน 85%
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดเพื่อรองรับกับการทำโปรโมชัน บริษัทไม่เน้นเพิ่มความถี่ แต่ให้ความสำคัญการทำแคมเปญโปรโมชันที่ดึงดูดให้ลูกค้ามีความสนใจสินค้ามากขึ้น พร้อมกันนี้วางแผนขยายตลาดอาเซียน โดยการนำแบรนด์ฮาร์ดซาร์ดไปทำตลาด จากปัจจุบันส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อผลักดันรายได้ส่งออกเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 10% อีก 90% เป็นภายในประเทศ
ล่าสุด บริษัทนำเข้ารองเท้าภายใต้แบรนด์ “ฟิทฟลอป” จากประเทศอังกฤษ เข้ามาทำตลาด วางตำแหน่งเป็นรองเท้าเพื่อการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นเซกเมนต์ในตลาด เจาะกลุ่มเป้าหมายที่ใส่ใจสุขภาพ ภายใต้การใช้งบ 5 ล้านบาท แบ่งเป็น งบการตลาด 2 ล้านบาท ในการสร้างการรับรู้และป้อนความรู้แก่ผู้บริโภค ส่วนอีก 3 ล้านบาท ขยายช่องทางจำหน่ายผ่านโรงพยาบาล สปา สถาบันออกกำลังกาย ห้างสรรพสินค้า เพิ่มจาก 33 แห่งเป็น 50 แห่งในสิ้นปีนี้
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า เป้าหมายของการทำตลาดรองเท้าฟิทฟลอปในปีแรก 50 ล้านบาท และปีนี้จะเป็นสินค้าเรือธงผลักดันให้รายได้รวมของบริษัท มีการเติบโต 5% หรือมีรายได้ 1,050 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทไม่มีอัตราการเติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนรายได้ปีที่ผ่านมาเกือบ 1,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้บริษัทยังนำเข้ากระเป๋าใส่สินค้าไอทีภายใต้แบรนด์ “ทิม บัค ทู” จากประเทศอเมริกา เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ ส่งผลให้บริษัทมีสินค้าทั้งหมด 9 แบรนด์
นายวิฑูรย์ ตติยมณีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์แฟชั่น จำกัด ผู้นำเข้ารองเท้าฟิทฟลอป เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจการนำเข้าสินค้าแฟชั่นจำหน่ายในประเทศไทย ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทมุ่งเน้นการเลือกสินค้าที่มีจุดขายตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เมื่อเทียบกับสินค้าแฟชั่นจะผกผันตามเศรษฐกิจ ขณะที่สินค้าแบรนด์ไทย “ฮาร์ซาร์ด” สร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่ง จากปัจจุบันเป็นสินค้าเรือธงสร้างรายได้มากกว่า 50%
ผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมตลาดสินค้าแฟชั่นได้รับผลกระทบ ทำให้ตลาดแข่งขันทำโปรโมชันมากกว่า 50-60% เพื่อช่วงชิงกำลังการซื้อจากลูกค้า ส่งผลให้กำไรของผู้ประกอบการลดลง 10-15% สำหรับภาพรวมตลาดรองเท้าโดยรวมลดลง โดยพบว่ารองเท้าแฟชั่นแข่งขันอย่างรุนแรง จากการมีผู้เล่นในตลาดสัดส่วน 85%
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดเพื่อรองรับกับการทำโปรโมชัน บริษัทไม่เน้นเพิ่มความถี่ แต่ให้ความสำคัญการทำแคมเปญโปรโมชันที่ดึงดูดให้ลูกค้ามีความสนใจสินค้ามากขึ้น พร้อมกันนี้วางแผนขยายตลาดอาเซียน โดยการนำแบรนด์ฮาร์ดซาร์ดไปทำตลาด จากปัจจุบันส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อผลักดันรายได้ส่งออกเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 10% อีก 90% เป็นภายในประเทศ
ล่าสุด บริษัทนำเข้ารองเท้าภายใต้แบรนด์ “ฟิทฟลอป” จากประเทศอังกฤษ เข้ามาทำตลาด วางตำแหน่งเป็นรองเท้าเพื่อการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นเซกเมนต์ในตลาด เจาะกลุ่มเป้าหมายที่ใส่ใจสุขภาพ ภายใต้การใช้งบ 5 ล้านบาท แบ่งเป็น งบการตลาด 2 ล้านบาท ในการสร้างการรับรู้และป้อนความรู้แก่ผู้บริโภค ส่วนอีก 3 ล้านบาท ขยายช่องทางจำหน่ายผ่านโรงพยาบาล สปา สถาบันออกกำลังกาย ห้างสรรพสินค้า เพิ่มจาก 33 แห่งเป็น 50 แห่งในสิ้นปีนี้
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า เป้าหมายของการทำตลาดรองเท้าฟิทฟลอปในปีแรก 50 ล้านบาท และปีนี้จะเป็นสินค้าเรือธงผลักดันให้รายได้รวมของบริษัท มีการเติบโต 5% หรือมีรายได้ 1,050 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทไม่มีอัตราการเติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนรายได้ปีที่ผ่านมาเกือบ 1,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้บริษัทยังนำเข้ากระเป๋าใส่สินค้าไอทีภายใต้แบรนด์ “ทิม บัค ทู” จากประเทศอเมริกา เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอนด์ ส่งผลให้บริษัทมีสินค้าทั้งหมด 9 แบรนด์
