เนสกาแฟ เร่งสร้างเซกเมนต์กาแฟเพื่อสุขภาพเสริมทัพ ทุ่มกว่า 200 ล้านบาท ปั้น “โพรเทค โพรสลิม” ชิงชิ้นเค้กตลาดกาแฟดูแลรูปร่างกว่า 600 ล้านบาท ชู ราคาสูงกว่าเนเจอร์กิฟ ฟิตเน่ เทกว่า 100 ล้านบาท ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ปีแรกตั้งเป้า โพรเทค โพรสลิมสอยบัลลังก์เนเจอร์กิฟ กวาดแชร์มากกว่า 50%
นายประสพสุข สุทธาภิรมย์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์กาแฟ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเนสกาแฟ เปิดเผยว่า จากนโยบายของบริษัทเนสท์เล่ “Good Food Good Life” หรือการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยยึดหลักการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ยังต้องผ่านวิจัยถึงคุณค่าทางโภชนาการ และต้องผ่านการทดลองจากผู้บริโภคและเป็นที่ยอมรับเมื่อเทียบกับสินค้าคู่แข่ง ล่าสุดกลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟ ตอบสนองนโยบายบริษัทแม่ นำร่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เปิดตัวเนสกาแฟ โพรเทคส์ สร้างเซกเมนต์กาแฟเพื่อสุขภาพ จากปกติเนสกาแฟ เรด คัพ เจาะตลาดแมส ขณะที่เนสกาแฟโกลด์ วางตำแหน่งเป็นกาแฟระดับพรีเมียม
ล่าสุด บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท เปิดตัวเนสกาแฟ โพรเทคส์ โพรสลิม ลงสู่ตลาดกาแฟดูแลรูปร่างมูลค่ามากกว่า 600 ล้านบาท โดยเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวครั้งแรกในประเทศไทย เนื่องจากพบว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยพบว่าผู้หญิงต้องการมีหุ่นดีและมองหาผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่าง และมีปัญหาในเรื่องระบบขับถ่าย เป็นต้น แตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคในประเทศตะวันตกส่วนใหญ่จะกลัวการเกิดโรคอ้วนมากกว่า โดยคาดว่าตลาดกาแฟดูแลรูปร่าง มีอัตราการเติบโต 40-50% และในอนาคตจะกลายเป็นตลาดใหญ่สำหรับประเทศไทย ซึ่งปีหน้าเพิ่มสัดส่วนเป็นตัวเลขสองหลัก จากปัจจุบันมีสัดส่วนไม่ถึง 10% จากตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปและทรีอินวันมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับเนสกาแฟโพรเทคส์ โพรสลิม มีทั้งในรูปแบบกาแฟผงสำเร็จรูป และทรีอินวัน เจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงทั่วไปที่ใส่ใจรูปร่าง วางราคาสินค้าระดับพรีเมียม อาทิ ขนาด 5 ซอง ราคา 63 บาท เป็นต้น สูงกว่าสินค้าคู่แข่งเนเจอร์กิฟ และฟิตเน่คอฟฟี่เล็กน้อย จะโฆษณาประชาสัมพันธ์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ตามช่องทางจำหน่าย และวางแผนเปิดตัวกาแฟพร้อมดื่มในอนาคต และสินค้าใหม่ๆ ในตลาดที่มีศักยภาพ
การเปิดตัวเนสกาแฟ โพรเทคส์ โพรสลิม ในช่วง 1 เดือน มียอดขายกว่า 100 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ คาดว่า 1 ปี ยอดขายมากกว่าผู้นำตลาดเนเจอร์กิฟกว่าเท่าตัว หรือมีส่วนแบ่งมากกว่า 50% ขณะที่ราคามีผลต่อการตัดสินใจซื้อไม่มากนัก พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป เพื่อรองรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์เนสกาแฟในอนาคต จากปัจจุบัน รายได้หลักมาจากเนสกาแฟ เรดคัพ 90% ส่วนเนสกาแฟโพรเทค 5% และที่เหลือเป็น เนสกาแฟโกลด์
ปัจจุบันเนสกาแฟ รั้งตำแหน่งผู้นำตลาด 2 กลุ่มด้วยกัน คือ เป็นผู้นำตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปครองส่วนแบ่ง 90% จากตลาดมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าตลาดมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว ส่วนตลาดกาแฟทรีอินวัน มูลค่า 10,000 ล้านบาท เติบโต 10% เนสกาแฟเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 70% จากการมีอัตราการเติบโต 30% ส่วนตลาดกาแฟพร้อมดื่มมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท เติบโตเกือบ 10% โดยเนสกาแฟมีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 2 ครองส่วนแบ่ง เกือบ 40% ขณะที่เบอร์ดี้เป็นผู้นำตลาด 60%
นายประสพสุข สุทธาภิรมย์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์กาแฟ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเนสกาแฟ เปิดเผยว่า จากนโยบายของบริษัทเนสท์เล่ “Good Food Good Life” หรือการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยยึดหลักการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ยังต้องผ่านวิจัยถึงคุณค่าทางโภชนาการ และต้องผ่านการทดลองจากผู้บริโภคและเป็นที่ยอมรับเมื่อเทียบกับสินค้าคู่แข่ง ล่าสุดกลุ่มผลิตภัณฑ์กาแฟ ตอบสนองนโยบายบริษัทแม่ นำร่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เปิดตัวเนสกาแฟ โพรเทคส์ สร้างเซกเมนต์กาแฟเพื่อสุขภาพ จากปกติเนสกาแฟ เรด คัพ เจาะตลาดแมส ขณะที่เนสกาแฟโกลด์ วางตำแหน่งเป็นกาแฟระดับพรีเมียม
ล่าสุด บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท เปิดตัวเนสกาแฟ โพรเทคส์ โพรสลิม ลงสู่ตลาดกาแฟดูแลรูปร่างมูลค่ามากกว่า 600 ล้านบาท โดยเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวครั้งแรกในประเทศไทย เนื่องจากพบว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยพบว่าผู้หญิงต้องการมีหุ่นดีและมองหาผลิตภัณฑ์ดูแลรูปร่าง และมีปัญหาในเรื่องระบบขับถ่าย เป็นต้น แตกต่างจากกลุ่มผู้บริโภคในประเทศตะวันตกส่วนใหญ่จะกลัวการเกิดโรคอ้วนมากกว่า โดยคาดว่าตลาดกาแฟดูแลรูปร่าง มีอัตราการเติบโต 40-50% และในอนาคตจะกลายเป็นตลาดใหญ่สำหรับประเทศไทย ซึ่งปีหน้าเพิ่มสัดส่วนเป็นตัวเลขสองหลัก จากปัจจุบันมีสัดส่วนไม่ถึง 10% จากตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปและทรีอินวันมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับเนสกาแฟโพรเทคส์ โพรสลิม มีทั้งในรูปแบบกาแฟผงสำเร็จรูป และทรีอินวัน เจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงทั่วไปที่ใส่ใจรูปร่าง วางราคาสินค้าระดับพรีเมียม อาทิ ขนาด 5 ซอง ราคา 63 บาท เป็นต้น สูงกว่าสินค้าคู่แข่งเนเจอร์กิฟ และฟิตเน่คอฟฟี่เล็กน้อย จะโฆษณาประชาสัมพันธ์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ตามช่องทางจำหน่าย และวางแผนเปิดตัวกาแฟพร้อมดื่มในอนาคต และสินค้าใหม่ๆ ในตลาดที่มีศักยภาพ
การเปิดตัวเนสกาแฟ โพรเทคส์ โพรสลิม ในช่วง 1 เดือน มียอดขายกว่า 100 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ คาดว่า 1 ปี ยอดขายมากกว่าผู้นำตลาดเนเจอร์กิฟกว่าเท่าตัว หรือมีส่วนแบ่งมากกว่า 50% ขณะที่ราคามีผลต่อการตัดสินใจซื้อไม่มากนัก พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูป เพื่อรองรับการเติบโตของผลิตภัณฑ์เนสกาแฟในอนาคต จากปัจจุบัน รายได้หลักมาจากเนสกาแฟ เรดคัพ 90% ส่วนเนสกาแฟโพรเทค 5% และที่เหลือเป็น เนสกาแฟโกลด์
ปัจจุบันเนสกาแฟ รั้งตำแหน่งผู้นำตลาด 2 กลุ่มด้วยกัน คือ เป็นผู้นำตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปครองส่วนแบ่ง 90% จากตลาดมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้คาดว่าตลาดมีอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว ส่วนตลาดกาแฟทรีอินวัน มูลค่า 10,000 ล้านบาท เติบโต 10% เนสกาแฟเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 70% จากการมีอัตราการเติบโต 30% ส่วนตลาดกาแฟพร้อมดื่มมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท เติบโตเกือบ 10% โดยเนสกาแฟมีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 2 ครองส่วนแบ่ง เกือบ 40% ขณะที่เบอร์ดี้เป็นผู้นำตลาด 60%