ส.นักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา อ้อนเสธหนั่น ชวนนายกฯ”อภิสิทธิ์” จัด ครม.สัญจร ที่พัทยา หวังกู้ภาพลักษณ์เมือง ระบุธุรกิจปีนี้ย่ำแย่สุดในรอบ 40 ปี อัตราเข้าพักเหลือแค่ 20% หวั่นผู้ประกอบการล้มตาย พร้อมแนะ ททท.และกระทรวงการท่องเที่ยวเตรียมแผนรับมือสถานการณ์น้ำมันแพง หวั่น ไทย-เทศ เลิกเที่ยว
นายจำรูญ วิศวชัยพันธ์ นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่า ได้ขอร้องให้พลตรี สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นำเรื่องไปเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ขอให้เดินทางมาจัดประชุม ครม.สัญจรที่เมืองพัทยา ทั้งนี้เพื่อต้องการกู้ภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาและสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้กลับมาเที่ยวที่เมืองพัทยาเหมือนเดิม ซึ่งพลตรีสนั่น ก็รับปากที่จะนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุม ครม.โดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้เพราะ ตั้งแต่ ภาพเหตุการณ์ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน มาถึงการพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เมืองพัทยา ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างต่อเนื่อง กรุ๊ปประชุมสัมมนาของหน่วยราชการและ บริษัทห้างร้านก็แจงยกเลิก บ้างก็เลื่อนเวลาออกไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยยวในเมืองพัทยาเกิดความเดือดร้อน อัตราเข้าพักโรงแรมลดเหลือ 20% จากทุกปีช่วงโลว์ซีซั่นแบบนี้อัตราเข้าพักโรงแรมในเมืองพัทยาจะอยู่ประมาณ 40-50% และพุ่งขึ้นเป็น 70-80% ในช่วงไฮซีซั่น ปลายปี
“วิกฤตที่เกิดกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาครั้งนี้รุนแรงมากที่สุดในรอบ 40 ปี เป็นสถานการณ์ที่ผู้ประกอบการทุกคนได้รับผลกระทบทุกเซกเมนต์ ซึ่งท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้หลักให้แก่เมืองพัทยา ซึ่งบรรดาผู้ค้าผู้ประกอบการและนายกเมืองต่างก็ช่วยเหลือกันเป็นอย่างดีเสมอมา แต่ครั้งนี้หนักหนามากจึงต้องการขอร้องให้ส่วนกลาง คือรัฐบาลเข้ามาร่วมให้การช่วยเหลือด้วย เพราะขณะนี้เริ่มมีผู้ประกอบการปรับลดวันทำงานของพนักงานลงบ้างแล้ว ”
นายจำรูญ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยอดจองห้องพักโรงแรมที่เมืองพัทยาแทบจะไม่มีเลย ซึ่งหากเป็นสถานการณ์ปกติ จะเริ่มมีบุ๊กกิ้งเข้ามาบ้างแล้ว โดยพัทยาจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตลอดทั้งปี โดยช่วงโลว์ซีซั่นจะเป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชีย เช่น จีน เกาหลี ส่วนไฮซีซั่นจะเป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรปและรัสเซีย ซึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการในเมืองพัทยาต้องการมากที่สุดขณะนี้ คือขอให้ภาครัฐช่วยประชาสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้เข้ามาเที่ยวเมืองไทย และเที่ยวพัทยาเหมือนเดิม นอกจากนั้นต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท. เตรียมวางแผนรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่กำลังปรับตัววสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“พัทยาเป็นเดสติเนชั่นที่ต้อนรับทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และ ชาวต่างประเทศ ซึ่งหากราคาน้ำมันแพง ก็จะกระทบต่อตลาดคนไทย ให้ชะลอการเดินทางท่องเที่ยว และหากราคาน้ำมันแพงมากขึ้น สายการบินก็จะต้องปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมัน ก็จะกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดระยะไกล เช่น ยุโรป อเมริกา รัสเซีย “
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้กระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมืองพัทยา ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเมืองพัทยาปีก่อน ติดลบ 20% และปีนี้ก็น่าจะติดลบอีก 20% เช่นกัน หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีไม่ถึง 5 ล้านคน จากช่วง 10 ปีก่อนหน้านั้นจำนวนนักท่องเที่ยวเมืองพัทยาจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 10%
นายจำรูญ วิศวชัยพันธ์ นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่า ได้ขอร้องให้พลตรี สนั่น ขจรประศาสตร์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นำเรื่องไปเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ขอให้เดินทางมาจัดประชุม ครม.สัญจรที่เมืองพัทยา ทั้งนี้เพื่อต้องการกู้ภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาและสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้กลับมาเที่ยวที่เมืองพัทยาเหมือนเดิม ซึ่งพลตรีสนั่น ก็รับปากที่จะนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุม ครม.โดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้เพราะ ตั้งแต่ ภาพเหตุการณ์ล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน มาถึงการพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เมืองพัทยา ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างต่อเนื่อง กรุ๊ปประชุมสัมมนาของหน่วยราชการและ บริษัทห้างร้านก็แจงยกเลิก บ้างก็เลื่อนเวลาออกไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยยวในเมืองพัทยาเกิดความเดือดร้อน อัตราเข้าพักโรงแรมลดเหลือ 20% จากทุกปีช่วงโลว์ซีซั่นแบบนี้อัตราเข้าพักโรงแรมในเมืองพัทยาจะอยู่ประมาณ 40-50% และพุ่งขึ้นเป็น 70-80% ในช่วงไฮซีซั่น ปลายปี
“วิกฤตที่เกิดกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาครั้งนี้รุนแรงมากที่สุดในรอบ 40 ปี เป็นสถานการณ์ที่ผู้ประกอบการทุกคนได้รับผลกระทบทุกเซกเมนต์ ซึ่งท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้หลักให้แก่เมืองพัทยา ซึ่งบรรดาผู้ค้าผู้ประกอบการและนายกเมืองต่างก็ช่วยเหลือกันเป็นอย่างดีเสมอมา แต่ครั้งนี้หนักหนามากจึงต้องการขอร้องให้ส่วนกลาง คือรัฐบาลเข้ามาร่วมให้การช่วยเหลือด้วย เพราะขณะนี้เริ่มมีผู้ประกอบการปรับลดวันทำงานของพนักงานลงบ้างแล้ว ”
นายจำรูญ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยอดจองห้องพักโรงแรมที่เมืองพัทยาแทบจะไม่มีเลย ซึ่งหากเป็นสถานการณ์ปกติ จะเริ่มมีบุ๊กกิ้งเข้ามาบ้างแล้ว โดยพัทยาจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาตลอดทั้งปี โดยช่วงโลว์ซีซั่นจะเป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชีย เช่น จีน เกาหลี ส่วนไฮซีซั่นจะเป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรปและรัสเซีย ซึ่งสิ่งที่ผู้ประกอบการในเมืองพัทยาต้องการมากที่สุดขณะนี้ คือขอให้ภาครัฐช่วยประชาสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้เข้ามาเที่ยวเมืองไทย และเที่ยวพัทยาเหมือนเดิม นอกจากนั้นต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท. เตรียมวางแผนรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่กำลังปรับตัววสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“พัทยาเป็นเดสติเนชั่นที่ต้อนรับทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย และ ชาวต่างประเทศ ซึ่งหากราคาน้ำมันแพง ก็จะกระทบต่อตลาดคนไทย ให้ชะลอการเดินทางท่องเที่ยว และหากราคาน้ำมันแพงมากขึ้น สายการบินก็จะต้องปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมัน ก็จะกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดระยะไกล เช่น ยุโรป อเมริกา รัสเซีย “
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้กระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมืองพัทยา ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเมืองพัทยาปีก่อน ติดลบ 20% และปีนี้ก็น่าจะติดลบอีก 20% เช่นกัน หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีไม่ถึง 5 ล้านคน จากช่วง 10 ปีก่อนหน้านั้นจำนวนนักท่องเที่ยวเมืองพัทยาจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 10%
