กระทิงแดง ปั้นแบรนด์น้องใหม่ “เรดดี้” เครื่องดื่มชูกำลังผสมน้ำผลไม้ ปลุกตลาด 1.5 หมื่นล้านบาท คึกคัก หลังเจอมรสุมเศรษฐกิจกระทบตลาดปีนี้ไม่โต ชูบรรจุภัณฑ์ใหม่ ลบภาพลักษณ์เครื่องดื่มผู้ใช้แรงงาน หวังทะลวงกลุ่มผู้หญิงรุ่นใหม่ วางตำแหน่งพรีเมียม ราคา 15บ าท สิ้นปีโตรายได้โต 5%
แหล่งข่าวจากบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายโปรดักส์ไลน์เครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์ “เรดดี้” ลงสู่ตลาด หรือเครื่องดื่มชูกำลังผสมน้ำผลไม้ ระดับพรีเมียม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมาที่บริษัทแตกไลน์เครื่องดื่มชูกำลัง จากปัจจุบันบริษัทมีเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้แรงงาน เรดบูล เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ สำหรับเครื่องดื่มชูกำลังเรดดี้ เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้หญิงคนรุ่นใหม่ จากปัจจุบันฐานลูกค้าเครื่องดื่มชูกำลัง โดยมากเป็นกลุ่มผู้ชายใช้แรงงาน
สำหรับเครื่องดื่มชูกำลังเรดดี้ มีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วในรูปแบบแตกต่างจากเครื่องดื่มชูกำลัง ทั้งนี้เพื่อลบภาพลักษณ์การเป็นเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งเป็นสินค้าสำหรับผู้ใช้แรงงาน และเป็นอุปสรรคการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเรดดี้ผลิตภายใต้บริษัทที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ขนาด 150 ซีซี ราคา 15 บาท สูงกว่าเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง 100 ซีซี ราคา 10 บาท โดยขณะนี้ได้เริ่มวางจำหน่ายผ่านมาร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น เพียงช่องทางเดียว ส่วนช่องทางตามสถานบันเทิงขณะนี้ยังไม่ได้วางจำหน่าย
นายสานิต หวังวิชา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด กล่าวว่า สภาพตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ในปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 1% หรือไม่มีการเติบโต เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยพบว่า กลุ่มผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังสัดส่วน 60-70% ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โรงงานทยอยปิดกิจการหรือลดคนลง ส่งผลให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานตกงานเพิ่มขึ้น และความถี่ในการดื่มลดลง
ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีผู้ประกอบการเครื่องดื่มชูกำลังทุกแบรนด์พยายามเจาะคนรุ่นใหม่มากขึ้น และหันมาเน้นการแข่งขันในเรื่องคอนเซปต์ของแบรนด์มากขึ้น เนื่องจากการเติบโตของตลาดชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ นอกจากนี้ในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ไม่ค่อยมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ มาสร้างสีสันให้กับตลาด โดยมีเพียงการทำบีโลว์เดอะไลน์ ภายใต้การใช้กลยุทธ์มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง และการทำคอนซูเมอร์โปรโมชัน อาทิ กระทิงแดงจัดรายการชิงโชครถจักรยานยนต์ฟีโน 500 คัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง เปิดตัวเรดดี้ นับว่า เป็นความพยายามครั้งใหม่สำหรับค่ายเครื่องดื่มชูกำลัง ที่สร้างการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ด้วยการขยายกลุ่มเป้าหมายผู้หญิง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เครื่องดื่มชูกำลังยังไม่ได้เข้าถึง โดยก่อนหน้านี้ ค่ายเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง ได้เปิดตัว คาราบาว เอ็กซ์โอ กลิ่นวิสกี้โดยจุดเด่นประการสำคัญของ คาราบาวเอ็กซ์โอ ก็คือการมีส่วนผสมของกลิ่นวิสกี้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จและนำออกจากตลาดไปในที่สุด
ด้าน โอสถสภา เมื่อปีที่ผ่านมา ส่งเครื่องดื่มชูกำลัง"จูนอัพ"โดยเป็นเครื่องชูกำลังระดับพรีเมียมจำหน่ายในราคา 15 บาท เริ่มวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าสะดวกซื้อ สำหรับความโดดเด่นของจูนอัพ คือ ชูจุดเด่นมีผสมโคลีน-แอลคาร์นิทีน ซึ่งเป็นเครื่องดื่มชูกำลังแนวคิดใหม่ โดยมีสารประกอบโคลีน ซึ่งเป็นส่วนผสมยอดนิยมสำหรับฟังก์ชันนัลดริงก์ในปัจจุบันที่ชูจุดขายเกี่ยวกับสมอง นอกจากนี้ยังมีแอลคาร์นิทีน หรือมีส่วนผสมที่เครื่องดื่มสปอร์ตดริงก์มาเป็นจุดขายช่วยในการเผาผลาญ
นายสานิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกของเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดงตกลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 8% ดังนั้นบริษัทจึงปรับแผนการตลาดโฟกัสในระยะสั้นมากขึ้น บริษัทคาดว่า สิ้นปีนี้ผลประกอบการเติบโต 5% ตามเป้าหมาย จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 15%
แหล่งข่าวจากบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายโปรดักส์ไลน์เครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์ “เรดดี้” ลงสู่ตลาด หรือเครื่องดื่มชูกำลังผสมน้ำผลไม้ ระดับพรีเมียม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมาที่บริษัทแตกไลน์เครื่องดื่มชูกำลัง จากปัจจุบันบริษัทมีเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้แรงงาน เรดบูล เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ สำหรับเครื่องดื่มชูกำลังเรดดี้ เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้หญิงคนรุ่นใหม่ จากปัจจุบันฐานลูกค้าเครื่องดื่มชูกำลัง โดยมากเป็นกลุ่มผู้ชายใช้แรงงาน
สำหรับเครื่องดื่มชูกำลังเรดดี้ มีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วในรูปแบบแตกต่างจากเครื่องดื่มชูกำลัง ทั้งนี้เพื่อลบภาพลักษณ์การเป็นเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งเป็นสินค้าสำหรับผู้ใช้แรงงาน และเป็นอุปสรรคการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเรดดี้ผลิตภายใต้บริษัทที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ขนาด 150 ซีซี ราคา 15 บาท สูงกว่าเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง 100 ซีซี ราคา 10 บาท โดยขณะนี้ได้เริ่มวางจำหน่ายผ่านมาร้านค้าสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น เพียงช่องทางเดียว ส่วนช่องทางตามสถานบันเทิงขณะนี้ยังไม่ได้วางจำหน่าย
นายสานิต หวังวิชา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด กล่าวว่า สภาพตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ในปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 1% หรือไม่มีการเติบโต เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยพบว่า กลุ่มผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังสัดส่วน 60-70% ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ โรงงานทยอยปิดกิจการหรือลดคนลง ส่งผลให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานตกงานเพิ่มขึ้น และความถี่ในการดื่มลดลง
ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีผู้ประกอบการเครื่องดื่มชูกำลังทุกแบรนด์พยายามเจาะคนรุ่นใหม่มากขึ้น และหันมาเน้นการแข่งขันในเรื่องคอนเซปต์ของแบรนด์มากขึ้น เนื่องจากการเติบโตของตลาดชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ นอกจากนี้ในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ไม่ค่อยมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ มาสร้างสีสันให้กับตลาด โดยมีเพียงการทำบีโลว์เดอะไลน์ ภายใต้การใช้กลยุทธ์มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง และการทำคอนซูเมอร์โปรโมชัน อาทิ กระทิงแดงจัดรายการชิงโชครถจักรยานยนต์ฟีโน 500 คัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง เปิดตัวเรดดี้ นับว่า เป็นความพยายามครั้งใหม่สำหรับค่ายเครื่องดื่มชูกำลัง ที่สร้างการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ด้วยการขยายกลุ่มเป้าหมายผู้หญิง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เครื่องดื่มชูกำลังยังไม่ได้เข้าถึง โดยก่อนหน้านี้ ค่ายเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง ได้เปิดตัว คาราบาว เอ็กซ์โอ กลิ่นวิสกี้โดยจุดเด่นประการสำคัญของ คาราบาวเอ็กซ์โอ ก็คือการมีส่วนผสมของกลิ่นวิสกี้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จและนำออกจากตลาดไปในที่สุด
ด้าน โอสถสภา เมื่อปีที่ผ่านมา ส่งเครื่องดื่มชูกำลัง"จูนอัพ"โดยเป็นเครื่องชูกำลังระดับพรีเมียมจำหน่ายในราคา 15 บาท เริ่มวางจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าสะดวกซื้อ สำหรับความโดดเด่นของจูนอัพ คือ ชูจุดเด่นมีผสมโคลีน-แอลคาร์นิทีน ซึ่งเป็นเครื่องดื่มชูกำลังแนวคิดใหม่ โดยมีสารประกอบโคลีน ซึ่งเป็นส่วนผสมยอดนิยมสำหรับฟังก์ชันนัลดริงก์ในปัจจุบันที่ชูจุดขายเกี่ยวกับสมอง นอกจากนี้ยังมีแอลคาร์นิทีน หรือมีส่วนผสมที่เครื่องดื่มสปอร์ตดริงก์มาเป็นจุดขายช่วยในการเผาผลาญ
นายสานิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกของเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดงตกลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโต 8% ดังนั้นบริษัทจึงปรับแผนการตลาดโฟกัสในระยะสั้นมากขึ้น บริษัทคาดว่า สิ้นปีนี้ผลประกอบการเติบโต 5% ตามเป้าหมาย จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 15%