“ชุมพล” ขายฝันโปรเจกต์ใหม่ สั่ง สพท.ตั้งโอเปอเรชันรูม จัดโซนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ขีดเส้นทับโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 14 คลัสเตอร์ เดินหน้ายาหอมข้าราชการ สพท.โปรยโบนัส ปูนบำเหน็จ ถ้าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติสิ้นปีแตะ 14 ล้านคน
วานนี้ (8 มิ.ย.) ในการมอบนโยบายให้แก่สำนักพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ต้องการให้สำนักพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จัดทำห้องปฏิบัติการ (โอเปอเรชันรูม) เพื่อดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆทั่วประเทศ โดยเริ่มจากการนำแผนที่ประเทศไทยมาตัดแบ่งเป็นส่วนๆ ประมาณภาคละ 10 ส่วน ในแต่ละส่วนให้เสนอรูปแบบการท่องเที่ยวออกมา ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวเก่าที่มีอยู่แล้วก็ให้ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
“คำว่า 14 คลัสเตอร์เราพูดกันมานานแล้วจนชินหู แต่เรายังไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากนัก แต่เชื่อว่าถ้ามีแผนใหม่ๆ ขึ้นมาจะช่วยกระตุ้นให้การทำงานแอคทีฟขึ้นมา แต่แนวคิดนี้จะลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น”
***แจกโบนัสซื้อใจ ขรก. *****
นายชุมพล กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมีความพยายามที่จะแก้วิกฤตอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้พลิกฟื้นกลับเป็นปกติโดยเร็ว เห็นได้จากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไฟเขียวให้จัดทำแผนยุทธศาสตร์แก้วิกฤตท่องเที่ยวให้เป็นวาระแห่งชาติ และ อื่นๆ ตลอดจน ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปประเทศจีนในวันที่ 24 มิ.ย.2552 เพื่อพบปะผู้นำ และขอร้องให้ยกเลิกคำสั่งเตือนนักท่องเที่ยวชาวจีน จึงมั่นใจว่าครึ่งปีหลังจากนี้สถานการณ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยจะพลิกฟื้นกลับเป็นปกติได้
“สพท.ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ต้องใช้เวลาในช่วงนี้ มุ่งพัฒนาฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว และบุคลากร รองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว โดยหากไม่มีสถานการณ์ใดๆ เกิดขึ้นอีก เชื่อว่าสิ้นปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยน่าจะไม่ต่ำกว่า 13.5-14 ล้านคนใกล้เคียงกับตัวเลขที่ ททท.ตั้งไว้ ส่วนรายได้น่าจะอยู่ที่ 4 -4.5 แสนล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากที่ ททท.ตั้งไว้ว่าจะได้ ราว 5 แสนล้านบาท ซึ่งหากทำได้จะเสนอต่อ ครม.เพื่อของบประมาณพิเศษมาจ่ายเป็นโบนัสแก่ข้าราชการ ของ สพท.นอกจากนั้น จะพิจารณาเลื่อนขั้นให้เป็นพิเศษในสิ้นปีงบประมาณด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 14 คลัสเตอร์ เป็นแนวคิดของ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานบอร์ด ททท.ซึ่งจัดทำไว้ตั้งแต่สมัยเป็น รมว.กระทรวงการท่องเที่ยว จนขณะนี้ยังไม่เกิดโครงการที่เป็นรูปธรรมคืบหน้ามากนัก ส่วนการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้ตามเป้าหมายที่วางไว้น่าจะเป็นผลงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่สมควรได้รางวัล แต่ที่ผ่านมา ททท.ก็ยังไม่สามารถเบิกโบนัสออกมาได้ ยังเป็นปัญหาที่ติดค้างกันอยู่
**เล็งปรับเป็นกรมพัฒนาการท่องเที่ยว****
นายชุมพล กล่าวว่า ล่าสุด ได้ยื่นหนังสือเสนอต่อ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ขอพิจารณายกระดับสำนักพัฒนาการท่องเที่ยว ขึ้นเป็น กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เพื่อให้สะดวกและคล่องตัวกับการประสานงานกับกระทรวงอื่นๆ เพราะเมื่อขึ้นเป็นระดับกรม มีผู้บริหารเป็นระดับอธิบดี จะช่วยให้ หน่วยงานมีความเชื่อถือมากขึ้น
เพราะที่ผ่านมาตำแหน่งของผู้บริหารก็เป็นอุปสรรค เช่นกัน แม้ว่าจะเป็นระดับซี 10 เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นอธิบดี หรือผู้อำนวยการ แต่เขามองว่าศักดิ์ศรีต่างกัน และกำชับให้ สพท.จัดเก็บสถิตินักท่องเที่ยวส่งกระทรวงให้รวดเร็วขึ้น รวมถึงการแก้ไขปัญหาหลอกลวงนักท่องเที่ยว และไกด์เถื่อนด้วย
วานนี้ (8 มิ.ย.) ในการมอบนโยบายให้แก่สำนักพัฒนาการท่องเที่ยว (สพท.) นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ต้องการให้สำนักพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จัดทำห้องปฏิบัติการ (โอเปอเรชันรูม) เพื่อดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆทั่วประเทศ โดยเริ่มจากการนำแผนที่ประเทศไทยมาตัดแบ่งเป็นส่วนๆ ประมาณภาคละ 10 ส่วน ในแต่ละส่วนให้เสนอรูปแบบการท่องเที่ยวออกมา ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวเก่าที่มีอยู่แล้วก็ให้ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
“คำว่า 14 คลัสเตอร์เราพูดกันมานานแล้วจนชินหู แต่เรายังไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากนัก แต่เชื่อว่าถ้ามีแผนใหม่ๆ ขึ้นมาจะช่วยกระตุ้นให้การทำงานแอคทีฟขึ้นมา แต่แนวคิดนี้จะลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น”
***แจกโบนัสซื้อใจ ขรก. *****
นายชุมพล กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลมีความพยายามที่จะแก้วิกฤตอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้พลิกฟื้นกลับเป็นปกติโดยเร็ว เห็นได้จากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไฟเขียวให้จัดทำแผนยุทธศาสตร์แก้วิกฤตท่องเที่ยวให้เป็นวาระแห่งชาติ และ อื่นๆ ตลอดจน ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปประเทศจีนในวันที่ 24 มิ.ย.2552 เพื่อพบปะผู้นำ และขอร้องให้ยกเลิกคำสั่งเตือนนักท่องเที่ยวชาวจีน จึงมั่นใจว่าครึ่งปีหลังจากนี้สถานการณ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยจะพลิกฟื้นกลับเป็นปกติได้
“สพท.ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ต้องใช้เวลาในช่วงนี้ มุ่งพัฒนาฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว และบุคลากร รองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว โดยหากไม่มีสถานการณ์ใดๆ เกิดขึ้นอีก เชื่อว่าสิ้นปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยน่าจะไม่ต่ำกว่า 13.5-14 ล้านคนใกล้เคียงกับตัวเลขที่ ททท.ตั้งไว้ ส่วนรายได้น่าจะอยู่ที่ 4 -4.5 แสนล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากที่ ททท.ตั้งไว้ว่าจะได้ ราว 5 แสนล้านบาท ซึ่งหากทำได้จะเสนอต่อ ครม.เพื่อของบประมาณพิเศษมาจ่ายเป็นโบนัสแก่ข้าราชการ ของ สพท.นอกจากนั้น จะพิจารณาเลื่อนขั้นให้เป็นพิเศษในสิ้นปีงบประมาณด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว 14 คลัสเตอร์ เป็นแนวคิดของ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานบอร์ด ททท.ซึ่งจัดทำไว้ตั้งแต่สมัยเป็น รมว.กระทรวงการท่องเที่ยว จนขณะนี้ยังไม่เกิดโครงการที่เป็นรูปธรรมคืบหน้ามากนัก ส่วนการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้ตามเป้าหมายที่วางไว้น่าจะเป็นผลงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่สมควรได้รางวัล แต่ที่ผ่านมา ททท.ก็ยังไม่สามารถเบิกโบนัสออกมาได้ ยังเป็นปัญหาที่ติดค้างกันอยู่
**เล็งปรับเป็นกรมพัฒนาการท่องเที่ยว****
นายชุมพล กล่าวว่า ล่าสุด ได้ยื่นหนังสือเสนอต่อ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ขอพิจารณายกระดับสำนักพัฒนาการท่องเที่ยว ขึ้นเป็น กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เพื่อให้สะดวกและคล่องตัวกับการประสานงานกับกระทรวงอื่นๆ เพราะเมื่อขึ้นเป็นระดับกรม มีผู้บริหารเป็นระดับอธิบดี จะช่วยให้ หน่วยงานมีความเชื่อถือมากขึ้น
เพราะที่ผ่านมาตำแหน่งของผู้บริหารก็เป็นอุปสรรค เช่นกัน แม้ว่าจะเป็นระดับซี 10 เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นอธิบดี หรือผู้อำนวยการ แต่เขามองว่าศักดิ์ศรีต่างกัน และกำชับให้ สพท.จัดเก็บสถิตินักท่องเที่ยวส่งกระทรวงให้รวดเร็วขึ้น รวมถึงการแก้ไขปัญหาหลอกลวงนักท่องเที่ยว และไกด์เถื่อนด้วย