ส.อ.ท.โอดบาทแข็งค่าต่อเนื่อง เป็นอุปสรรคสำคัญต่อผู้ส่งออกให้แข่งขันยากขึ้น ชี้ เคลื่อนไหว 35-36 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เหมาะสม และควรสะท้อนภูมิภาคด้วย ขณะที่ผู้ส่งออกรองเท้า เซ็ง เจอเวียดนามดัมป์ราคาแข่งต้นเหตุค่าเงินอ่อนกว่าไทย
นายสันติ วิลาสศักดานท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทถือเป็นอุปสรรคสำคัญของผู้ส่งออก เนื่องจากทำให้ภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นและทำให้ขีดความสามารถทางการแข่งขันในหลายอุตสาหกรรมต้องลดลง ซึ่งซ้ำเติมผู้ส่งออกที่ต้องเผชิญกับตลาดหดตัวอยู่แล้ว โดยค่าเงินที่ผู้ส่งออกยอมรับได้ควรเคลื่อนไหวอยู่ที่ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และควรจะสะท้อนกับภูมิภาคเป็นสำคัญ
“กรณีมีเงินไหลเข้ามาในประเทศมาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องดูแลไม่ให้ค่าเงินผันผวน รวมทั้งต้องพิจารณาและชั่งน้ำหนักให้ดีว่าจะต้องดูแลอย่างไร เพื่อไม่ให้มีการเก็งกำไรค่าเงินเกิดขึ้น ขณะเดียวกันต้องดูแลไม่ให้ผู้ส่งออกเดือดร้อน” นายสันติ กล่าว
นายธำรง ธิติประเสริฐ ประธานที่ปรึกษากลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกรองเท้ากำลังได้รับความเดือดร้อนจากการแข่งขันทางการค้าที่ลำบากขึ้น เมื่อเทียบกับคู่แข่งจากกรณีที่ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากประเทศเวียดนามที่มีค่าเงินที่อ่อนค่ากว่าไทยมาโดยตลอด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น ต้องการให้ไทยพิจารณาค่าเงินให้สอดคล้องกับภูมิภาคด้วย
“ปกติเศรษฐกิจชะลอตัวการแข่งขันก็สูงอยู่แล้ว เราก็พอจะสู้ได้ แต่ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้น โดยไม่มีเหตุผลเศรษฐกิจก็ไม่ได้ดีจริง การที่จะต้องสู้ด้วยการเสนอราคาแข่งขันเพื่อให้ได้ออเดอร์มาก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ และสิ่งที่น่ากลัว คือ เวลานี้รองเท้าของเวียดนามและอินโดนีเซีย เริ่มเข้าสู่ตลาดบน และแข่งขันในเรื่องราคาได้ค่อนข้างสูง” นายธำรง กล่าว
ทั้งนี้ คำสั่งซื้อรองเท้าภาพรวมยังคงทรงตัวอยู่ โดยคาดว่าปีนี้การส่งออกภาพรวมน่าจะติดลบ 10-20% เนื่องจากตลาดส่งออกที่เป็นรองเท้าเกรดเอของไทย ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป ลดลงประมาณ 30% ทำให้ผู้ส่งออกต้องพยายามเสนอราคาเพื่อจูงใจให้มีการสั่งซื้อ อย่างไรก็ตามคาดว่า การส่งออกรองเท้าจะกลับสู่ปกติโดยยอดส่งออกไม่ติดลบนั้น คงจะต้องเป็นปี 2553 เพื่อรอให้เศรษฐกิจทุกประเทศฟื้นตัวมากกว่านี้ ดังนั้น ทุกโรงงานจึงพยายามประคองให้ผ่านพ้นไปก่อนในช่วงปีนี้
นายสันติ วิลาสศักดานท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่าเงินบาทถือเป็นอุปสรรคสำคัญของผู้ส่งออก เนื่องจากทำให้ภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นและทำให้ขีดความสามารถทางการแข่งขันในหลายอุตสาหกรรมต้องลดลง ซึ่งซ้ำเติมผู้ส่งออกที่ต้องเผชิญกับตลาดหดตัวอยู่แล้ว โดยค่าเงินที่ผู้ส่งออกยอมรับได้ควรเคลื่อนไหวอยู่ที่ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และควรจะสะท้อนกับภูมิภาคเป็นสำคัญ
“กรณีมีเงินไหลเข้ามาในประเทศมาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องดูแลไม่ให้ค่าเงินผันผวน รวมทั้งต้องพิจารณาและชั่งน้ำหนักให้ดีว่าจะต้องดูแลอย่างไร เพื่อไม่ให้มีการเก็งกำไรค่าเงินเกิดขึ้น ขณะเดียวกันต้องดูแลไม่ให้ผู้ส่งออกเดือดร้อน” นายสันติ กล่าว
นายธำรง ธิติประเสริฐ ประธานที่ปรึกษากลุ่มอุตสาหกรรมรองเท้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกรองเท้ากำลังได้รับความเดือดร้อนจากการแข่งขันทางการค้าที่ลำบากขึ้น เมื่อเทียบกับคู่แข่งจากกรณีที่ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากประเทศเวียดนามที่มีค่าเงินที่อ่อนค่ากว่าไทยมาโดยตลอด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น ต้องการให้ไทยพิจารณาค่าเงินให้สอดคล้องกับภูมิภาคด้วย
“ปกติเศรษฐกิจชะลอตัวการแข่งขันก็สูงอยู่แล้ว เราก็พอจะสู้ได้ แต่ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้น โดยไม่มีเหตุผลเศรษฐกิจก็ไม่ได้ดีจริง การที่จะต้องสู้ด้วยการเสนอราคาแข่งขันเพื่อให้ได้ออเดอร์มาก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ และสิ่งที่น่ากลัว คือ เวลานี้รองเท้าของเวียดนามและอินโดนีเซีย เริ่มเข้าสู่ตลาดบน และแข่งขันในเรื่องราคาได้ค่อนข้างสูง” นายธำรง กล่าว
ทั้งนี้ คำสั่งซื้อรองเท้าภาพรวมยังคงทรงตัวอยู่ โดยคาดว่าปีนี้การส่งออกภาพรวมน่าจะติดลบ 10-20% เนื่องจากตลาดส่งออกที่เป็นรองเท้าเกรดเอของไทย ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป ลดลงประมาณ 30% ทำให้ผู้ส่งออกต้องพยายามเสนอราคาเพื่อจูงใจให้มีการสั่งซื้อ อย่างไรก็ตามคาดว่า การส่งออกรองเท้าจะกลับสู่ปกติโดยยอดส่งออกไม่ติดลบนั้น คงจะต้องเป็นปี 2553 เพื่อรอให้เศรษฐกิจทุกประเทศฟื้นตัวมากกว่านี้ ดังนั้น ทุกโรงงานจึงพยายามประคองให้ผ่านพ้นไปก่อนในช่วงปีนี้