“ไฮไฟ โอเรียนท์” เร่งสปีดครึ่งปีหลัง เข็นเครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มภาพ ดันรายได้ตามแผน 800 ล้านบาท หลังไตรมาส 2 ยอดหล่น 10% ชูเครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพา หัวหอกลุ้นรายได้ ทดแทนกลุ่มออดิโอ ที่หดตัวลง
นายไมเคิล มกร หลินสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ของบริษัท ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ถือว่ายังดีอยู่เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน แต่พอเข้าสู่ไตรมาสสองแล้ว กลับมียอดขายลดลงราว 10% เทียบกับไตรมาสสองของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากตลาดสินค้าในกลุ่มออดิโอหดตัวลง
ดังนั้นแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ บริษัทจะเน้นการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มวิดีโอ หรือกลุ่มจอภาพเป็นหลัก ล่าสุดกับเครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพา อีก 1 รุ่น ชูเรื่องของสีสันมาเป็นจุดขาย ส่งผลให้ปัจจุบันอะโคเนติค มีสินค้ากลุ่มดังกล่าววางจำหน่ายรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 รุ่น มากสุดในตลาด ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3,990-15,900 บาท
การเข้ามาเน้นตลาดนี้ เนื่องจากมองว่า ลุกค้าจะตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น หลังจากช่วงปีที่ผ่านมา ราคาของเครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพา ตกลงไปมากกว่า 50% จากปัจจุบันราคาต่ำสุด คาดว่าจะอยู่ที่ 3,000 บาท บวกกับฟังก์ชั่นการทำงานที่หลายหลาย น่าจะเป็นทางเลือกที่ลูกค้าให้การตอบรับสูง นอกจากนี้บริษัท ยังมีการเปิดตัว แอลซีดี ทีวี ที่มีดีวีดีในตัวอีก 1 รุ่น ขนาด 32 นิ้ว ราคาจำหน่าย 17,900 บาท หลังวางจำหน่ายมา 2 สัปดาห์ ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี
นอกจากนี้บริษัทจะมุ่งเน้นเรื่องของกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมไปถึงการเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริการ สินเชื่อ ดอกเบี้ย ในการซื้อในระบบผ่อนชำระ และของแถมมากขึ้น เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมีรายได้เท่าปีก่อนที่ 800 ล้านบาท โดยแบ่งรายได้ออกเป็น สินค้ากลุ่มภาพ 60% เช่น จอภาพ และเครื่องเล่นดีวีดี และอีก 40% มาจากกลุ่มออดิโอ เช่น ลำโพง, เอ็มพีสาม และชุดโฮมเธียเตอร์ จากงบประมาณทางการตลาด 20 ล้านบาท ที่ใช้เท่าปีก่อน
นายไมเคิล มกร หลินสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ของบริษัท ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ถือว่ายังดีอยู่เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน แต่พอเข้าสู่ไตรมาสสองแล้ว กลับมียอดขายลดลงราว 10% เทียบกับไตรมาสสองของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากตลาดสินค้าในกลุ่มออดิโอหดตัวลง
ดังนั้นแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ บริษัทจะเน้นการเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มวิดีโอ หรือกลุ่มจอภาพเป็นหลัก ล่าสุดกับเครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพา อีก 1 รุ่น ชูเรื่องของสีสันมาเป็นจุดขาย ส่งผลให้ปัจจุบันอะโคเนติค มีสินค้ากลุ่มดังกล่าววางจำหน่ายรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 รุ่น มากสุดในตลาด ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3,990-15,900 บาท
การเข้ามาเน้นตลาดนี้ เนื่องจากมองว่า ลุกค้าจะตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น หลังจากช่วงปีที่ผ่านมา ราคาของเครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพา ตกลงไปมากกว่า 50% จากปัจจุบันราคาต่ำสุด คาดว่าจะอยู่ที่ 3,000 บาท บวกกับฟังก์ชั่นการทำงานที่หลายหลาย น่าจะเป็นทางเลือกที่ลูกค้าให้การตอบรับสูง นอกจากนี้บริษัท ยังมีการเปิดตัว แอลซีดี ทีวี ที่มีดีวีดีในตัวอีก 1 รุ่น ขนาด 32 นิ้ว ราคาจำหน่าย 17,900 บาท หลังวางจำหน่ายมา 2 สัปดาห์ ลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดี
นอกจากนี้บริษัทจะมุ่งเน้นเรื่องของกิจกรรมส่งเสริมการขาย รวมไปถึงการเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริการ สินเชื่อ ดอกเบี้ย ในการซื้อในระบบผ่อนชำระ และของแถมมากขึ้น เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมีรายได้เท่าปีก่อนที่ 800 ล้านบาท โดยแบ่งรายได้ออกเป็น สินค้ากลุ่มภาพ 60% เช่น จอภาพ และเครื่องเล่นดีวีดี และอีก 40% มาจากกลุ่มออดิโอ เช่น ลำโพง, เอ็มพีสาม และชุดโฮมเธียเตอร์ จากงบประมาณทางการตลาด 20 ล้านบาท ที่ใช้เท่าปีก่อน