xs
xsm
sm
md
lg

“มาม่า”เล่นระดับราคาจ่อคิวปั้นสินค้าพรีเมี่ยม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มาม่า ควงกลยุทธ์วางราคาสินค้าหลากหลาย รับกำลังการซื้อผู้บริโภคผกผันตามภาวะเศรษฐกิจ จ่อคิวปั้นสินค้าพรีเมียม ปลื้มบะหมี่ฯ 5 บาท ดันยอดขายไตรมาสแรกโต 15% เกินเป้าหมาย เดินหน้าระเบิดแคมเปญปั้นสินค้าติดตลาด เร่งพัฒนารสชาติใหม่ สิ้นปีรายได้โต 10% ลั่นกลองรบสินค้าเพื่อสุขภาพ ชูไอ-เฮลติ –ฮาร์ทติ เบเนคอล เรือธง

นางเพ็ญนภา ธนสารศิลป์ กรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินการตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า เปิดเผยว่า ทิศทางการทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป บริษัทมุ่งใช้กลยุทธ์การวางราคาสินค้าให้มีความหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์กำลังการซื้อของกลุ่มผู้บริโภคที่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ โดยบริษัทจะโฟกัสการวางราคาสินค้าในกลุ่มพรีเมียมมากขึ้น จากปัจจุบันมาม่ามีด้วยกันหลายขนาด ได้แก่ ขนาด 55 กรัม ราคา 5 บาท และราคา 6 บาท มาม่า บิ๊กแพค ราคา 10 บาท ออเรียนทัล คิตเชน ราคา 12 บาท และมาม่า คัพ ราคา 12 บาท เป็นต้น

ทั้งนี้เป็นเพราะหลังจากเปิดตัวมาม่า ราคา 5 บาทแล้ว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขนาด 55 กรัม ราคา 6 บาท ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะการวางรสชาติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้รายได้โดยรวมในช่วง 4 เดือน เติบโต 15% เกินเป้าหมายที่ตั้งเป้าเติบโต 10% จากราคาสินค้าที่สอดคล้องกับกำลังซื้อ และด้วยรสชาติของสินค้า

บริษัทได้ดำเนินการตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าโปรตีนไข่และซุปไก่ ราคา 5บาท ในเชิงรุก โดยเตรียมเปิดตัวแคมเปญ การทำโปรโมชัน เพื่อให้สินค้ามีความแข็งแกร่งในตลาด อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่รองรับกับการแข่งขันจากการที่คู่แข่งใช้กลยุทธ์ราคา ขณะเดียวกันกำลังอยู่ระหว่างพัฒนารสชาติใหม่ เพื่อสร้างความหลากหลาย ล่าสุดได้ร่วมจัดรายการ”ดับเบิ้ลเอ ใจดีฟรีมาม่า ช่วยชาติ” โดยผู้ที่ซื้อกระดาษดับเบิ้ล เอ 1 รีม จะได้รับมาม่ารสซุปไก่ขนาด 55 กรัม 1 ซองฟรี เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคทดลองสินค้า เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม นี้

สำหรับภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท ทั้งปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 5% ซึ่งถือว่าการเติบโตมีทิศทางดีขึ้น จากในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ตลาดหดตัวไม่ถึง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสสี่ โดยรายได้มาม่าทั้งปีตั้งเป้าเติบโต 10%

นางเพ็ญนภา กล่าวว่า ทิศทางตลาดอาหารเพื่อสุขภาพมูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท ในปีนี้เติบโต 10% สวนกระแสกับภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากพฤติกรรมของคนไทยใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น และมุ่งเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา โดยการดำเนินการตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ในปีนี้ บริษัทยังคงมุ่งสินค้าภายใต้แบรนด์”ไอ-เฮลติ” และ”ฮาร์ทติ เบเนคอล”ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้จะเปิดตัวสินค้าใหม่ลงตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มไอ-เฮลติ ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด
กำลังโหลดความคิดเห็น