บอชแอนด์ลอมบ์ เร่งรุกตลาดคอนแทกต์เลนส์รายวัน หวังเป็นเจ้าตลาดเบ็ดเสร็จในกลุ่มวิชันแคร์ใน 3 ปี หลังพบแนวโน้มตลาดเติบโตดี อัดงบมากกว่า 60 ล้านบาท ลุยเต็มที่
นางชัชณี อนันต์วัฒนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจวิชั่นแคร์ บริษัท บอช แอนด์ ลอมบ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดคอนแทกต์เลนส์ในเมืองไทย มีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรงจากผู้ประกอบการหลายราย แต่ก็ยังไม่มีใครที่เป็นผู้นำตลาดได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม บอชแอนด์ลอมบ์ ก็อยู่ในอันดับต้นๆ ของตลาด
และมีเป้าหมายที่จะรุกตลาดมากขึ้นเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดนี้ให้ได้อย่างชัดเจนภายใน 3 ปี ในกลุ่มวิชั่นแคร์ของตลาดรวม ซึ่งคู่แข่งหลักที่ต่อสู้กันในแทบทุกประเทศ คือ แอคคิววิว
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดรวมของคอนแทกต์เลนส์ในไทยมีมากกว่า 1,700-1,800 ล้านบาท มีการเติบโตโดยเฉลี่ย 10% ซึ่งแต่ละเซ็กเมนต์จะมีความแตกต่างกันไป โดยเซ็กเมนต์ คอนแทกต์เลนส์รายวัน ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 20-30% จากตลาดรวม จะเติบโตมากกว่า 10-20% ในช่วงหลังนี้ ทั้งๆ ที่ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้เพิ่งจะมีการทำตลาดและแข่งขันกันมาเพียง 3 ปีเท่านั้นเอง
ขณะที่ตลาดคอนแทกต์เลนส์รายเดือนที่ทำกันมานานแล้วมีสัดส่วนในตลาดที่ 60% จะเติบโตน้อยกว่า แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนตลาดที่มากกว่าในแง่มูลค่า ส่วนตลาดคอนแทกต์เลนส์ราย 2 สัปดาห์และรายปี เริ่มลดน้อยถอยลงแล้ว มีสัดส่วนอยู่ที่ 10% และอื่นๆ รวมกันขณะที่บอชแอนด์ลอมบ์เองเพิ่งเริ่มทำตลาดคอนแทกต์เลนส์รายวันอย่างจริงจัง เมื่อปีที่แล้วด้วยงบตลาดกว่า 30 ล้านบาท ทั้ง อะโบฟเดอะไลน์ บีโลว์เดอะไลน์ และการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ สู่ตลาด ปรากฏว่า มีการเติบโตที่ดีมากกว่า 100% ดังนั้น ในปีนี้จึงตั้งเป้าหมายที่จะทำให้กลุ่มรายวันมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ด้วยงบการตลาดรวมไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมานี้เติบโตแล้ว 20%
แนวโน้มของตลาดคอนแทกต์เลนส์รายวันจะมีการเติบโตอย่างมาก ขณะที่ตลาดกลุ่มอื่นจะเริ่มเติบโตน้อยและทรงตัวแล้ว ประกอบกับจำนวนคนที่ใส่คอนแทกต์เลนส์ในเมืองไทยยังมีน้อยเพียงแค่ 10% จากจำนวนประชากรคนไทยที่ใส่แว่น ทั้งๆ ที่คนไทยมีปัญหาทางด้านสายตาไม่ต่ำกว่า 30% เป็นอย่างต่ำ ซึ่งเท่ากับว่า ตลาดยังเปิดกว้างยังมีผู้ที่ไม่ได้ใช้คอนแทคเลนส์อีกมากทั้งๆที่มีความจำเป็นต้องใช้ ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกับที่ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นกลุ่มรายวันจะเติบโตมาก
โดยการทำตลาดคอนแทกต์เลนส์รายวันของบอชแอนด์ลอมบ์ มุ่งเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ผู้ชาย-ผู้หญิงวัยทำงาน รุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพตา ไม่ชอบความยุ่งยากมากในการล้างคอนแทกต์เลนส์ทุกวัน อีกทั้งต้องการความคล่องตัวในการทำงาน บริษัทจึงได้วางแผนรุกตลาดในประเทศ เพื่อสร้างแบรนด์คอนเนกชันกับกลุ่มเป้าหมายและสร้างภาพลักษณ์ที่ดี รวมทั้งในปีหน้ายังมีแผนที่จะนำเข้าคอนแทกต์เลนส์รายวันสำหรับตาเอียงเข้ามาจำหน่ายอีกด้วย
“ตลาดคอนแทกต์เลนส์รายวันเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ผู้ประกอบการต่างก็พยายามช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดตรงนี้ให้ได้มากที่สุด ทั้งในแง่ของการทำตลาด โปรโมชัน การโฆษณา ซึ่งเราเองก็ทำเต็มที่ทุกรูปแบบ โดยในส่วนของพรีเซ็นเตอร์ใช้ “วัง ลี ฮอม” ศิลปิน เกาหลี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งปกติแล้วในวงการนี้ไม่มีใครใช้พรีเซ็นเตอร์ผู้ชายด้วย นอกนั้นก็ทำโปรโมชันลดราคาล่าสุด คือ แคมเปญ ซื้อซอฟต์เลนส์เดลี่ ขนาด 30 เลนส์ จำนวน 3 กล่อง รับฟรีทันทีขนาด 30 เลนส์ จำนวน 1 กล่องมูลค่ากว่า 700 บาท หรือกับลดไป เกือบ 25-30% ตั้งแต่วันที่ 1เม.ย.-30 มิ.ย.นี้” นางชัชนี กล่าว
ปัจจุบันบริษัท บอชแอนด์ลอมบ์ ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับสายตาและรักษาสุขภาพตา แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ 1.กลุ่มวิชันแคร์ เช่น คอนแทกต์เลนส์ มีสัดส่วนรายได้มากที่สุดกว่า 53-54% 2.กลุ่มธุรกิจเครื่องมือผ่าตัดเกี่ยวกับสายตา เลนส์แก้วตาเทียม และ 3.กลุ่มยาสำหรับดวงตา
นางชัชณี อนันต์วัฒนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจวิชั่นแคร์ บริษัท บอช แอนด์ ลอมบ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดคอนแทกต์เลนส์ในเมืองไทย มีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรงจากผู้ประกอบการหลายราย แต่ก็ยังไม่มีใครที่เป็นผู้นำตลาดได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม บอชแอนด์ลอมบ์ ก็อยู่ในอันดับต้นๆ ของตลาด
และมีเป้าหมายที่จะรุกตลาดมากขึ้นเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดนี้ให้ได้อย่างชัดเจนภายใน 3 ปี ในกลุ่มวิชั่นแคร์ของตลาดรวม ซึ่งคู่แข่งหลักที่ต่อสู้กันในแทบทุกประเทศ คือ แอคคิววิว
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดรวมของคอนแทกต์เลนส์ในไทยมีมากกว่า 1,700-1,800 ล้านบาท มีการเติบโตโดยเฉลี่ย 10% ซึ่งแต่ละเซ็กเมนต์จะมีความแตกต่างกันไป โดยเซ็กเมนต์ คอนแทกต์เลนส์รายวัน ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 20-30% จากตลาดรวม จะเติบโตมากกว่า 10-20% ในช่วงหลังนี้ ทั้งๆ ที่ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้เพิ่งจะมีการทำตลาดและแข่งขันกันมาเพียง 3 ปีเท่านั้นเอง
ขณะที่ตลาดคอนแทกต์เลนส์รายเดือนที่ทำกันมานานแล้วมีสัดส่วนในตลาดที่ 60% จะเติบโตน้อยกว่า แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนตลาดที่มากกว่าในแง่มูลค่า ส่วนตลาดคอนแทกต์เลนส์ราย 2 สัปดาห์และรายปี เริ่มลดน้อยถอยลงแล้ว มีสัดส่วนอยู่ที่ 10% และอื่นๆ รวมกันขณะที่บอชแอนด์ลอมบ์เองเพิ่งเริ่มทำตลาดคอนแทกต์เลนส์รายวันอย่างจริงจัง เมื่อปีที่แล้วด้วยงบตลาดกว่า 30 ล้านบาท ทั้ง อะโบฟเดอะไลน์ บีโลว์เดอะไลน์ และการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ สู่ตลาด ปรากฏว่า มีการเติบโตที่ดีมากกว่า 100% ดังนั้น ในปีนี้จึงตั้งเป้าหมายที่จะทำให้กลุ่มรายวันมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ด้วยงบการตลาดรวมไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมานี้เติบโตแล้ว 20%
แนวโน้มของตลาดคอนแทกต์เลนส์รายวันจะมีการเติบโตอย่างมาก ขณะที่ตลาดกลุ่มอื่นจะเริ่มเติบโตน้อยและทรงตัวแล้ว ประกอบกับจำนวนคนที่ใส่คอนแทกต์เลนส์ในเมืองไทยยังมีน้อยเพียงแค่ 10% จากจำนวนประชากรคนไทยที่ใส่แว่น ทั้งๆ ที่คนไทยมีปัญหาทางด้านสายตาไม่ต่ำกว่า 30% เป็นอย่างต่ำ ซึ่งเท่ากับว่า ตลาดยังเปิดกว้างยังมีผู้ที่ไม่ได้ใช้คอนแทคเลนส์อีกมากทั้งๆที่มีความจำเป็นต้องใช้ ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกับที่ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นกลุ่มรายวันจะเติบโตมาก
โดยการทำตลาดคอนแทกต์เลนส์รายวันของบอชแอนด์ลอมบ์ มุ่งเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ผู้ชาย-ผู้หญิงวัยทำงาน รุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพตา ไม่ชอบความยุ่งยากมากในการล้างคอนแทกต์เลนส์ทุกวัน อีกทั้งต้องการความคล่องตัวในการทำงาน บริษัทจึงได้วางแผนรุกตลาดในประเทศ เพื่อสร้างแบรนด์คอนเนกชันกับกลุ่มเป้าหมายและสร้างภาพลักษณ์ที่ดี รวมทั้งในปีหน้ายังมีแผนที่จะนำเข้าคอนแทกต์เลนส์รายวันสำหรับตาเอียงเข้ามาจำหน่ายอีกด้วย
“ตลาดคอนแทกต์เลนส์รายวันเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ผู้ประกอบการต่างก็พยายามช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดตรงนี้ให้ได้มากที่สุด ทั้งในแง่ของการทำตลาด โปรโมชัน การโฆษณา ซึ่งเราเองก็ทำเต็มที่ทุกรูปแบบ โดยในส่วนของพรีเซ็นเตอร์ใช้ “วัง ลี ฮอม” ศิลปิน เกาหลี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งปกติแล้วในวงการนี้ไม่มีใครใช้พรีเซ็นเตอร์ผู้ชายด้วย นอกนั้นก็ทำโปรโมชันลดราคาล่าสุด คือ แคมเปญ ซื้อซอฟต์เลนส์เดลี่ ขนาด 30 เลนส์ จำนวน 3 กล่อง รับฟรีทันทีขนาด 30 เลนส์ จำนวน 1 กล่องมูลค่ากว่า 700 บาท หรือกับลดไป เกือบ 25-30% ตั้งแต่วันที่ 1เม.ย.-30 มิ.ย.นี้” นางชัชนี กล่าว
ปัจจุบันบริษัท บอชแอนด์ลอมบ์ ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับสายตาและรักษาสุขภาพตา แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ 1.กลุ่มวิชันแคร์ เช่น คอนแทกต์เลนส์ มีสัดส่วนรายได้มากที่สุดกว่า 53-54% 2.กลุ่มธุรกิจเครื่องมือผ่าตัดเกี่ยวกับสายตา เลนส์แก้วตาเทียม และ 3.กลุ่มยาสำหรับดวงตา