ผู้ค้าน้ำมันทุกรายประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกเบนซิน 80 สตางค์/ลิตร ดีเซล 60 สตางค์/ลิตร มีผล 5.00 น. วันนี้ "บิ๊ก ปตท." ยันผู้ค้าปรับราคาตามทิศทางตลาดโลก ครวญค่าการตลาดต่ำกว่า 1.50 บาท มานานแล้ว
มีรายงานข่าวว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และผู้ค้าน้ำมันทุกราย ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ โดยปรับขึ้นราคาขายปลีกกลุ่มเบนซิน 80 สตางค์ต่อลิตร และกลุ่มดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร มีผล 5.00 น. วันนี้ (21 พฤษภาคม 2552)
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวถึงการที่ผู้ค้าน้ำมันทุกรายได้ประกาศขยับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินอีกลิตรละ 80 สตางค์ และน้ำมันดีเซลอีกลิตรละ 60 สตางค์ เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ ปรับขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่ 65-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันอยู่ระดับต่ำประมาณ 1 บาทเศษ ไม่ถึง 1.50 บาท จึงทำให้ผู้ค้าจำเป็นต้องขยับราคาขึ้น โดยการปรับขึ้นดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพราะส่วนดังกล่าว กองทุนน้ำมันฯ เป็นผู้รับภาระแทนประชาชนเป็นระยะเวลา 1 เดือน
ทั้งนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่เช้าวันนี้ เป็นดังนี้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 (พีทีที E85 พลัส) ลิตรละ 18.82 บาท น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 (พีทีที E 20 พลัส) ลิตรละ 25.44 บาท น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95) ลิตรละ 27.74 บาท น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91) ลิตรละ 26.94 บาท น้ำมันเบนซิน 91 (พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91) ลิตรละ 31.54 บาท น้ำมันไบโอดีเซล (พีทีที B5 พลัส) ลิตรละ 21.59 บาท น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (พีทีที เดลต้า เอ็กซ์) ลิตรละ 24.59 บาท
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ตลาดขายปลีกหน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท. กล่าวว่า ปตท. จำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและกลุ่มดีเซล เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากข่าวโรงกลั่นบริษัท Flint Hills Resources ที่เมือง Corpus Christi มลรัฐเทกซัส ของสหรัฐ ซึ่งมีกำลังการผลิต 288,000 บาร์เรลต่อวัน เกิดเหตุเพลิงไหม้และต้องปิดฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีข่าวหน่วยผลิตน้ำมันและโรงกลั่นของบริษัท Sunoco ที่เมือง Marcus Hook มลรัฐเพนซิลวาเนีย กำลังผลิต 178,000 บาร์เรลต่อวัน ยังไม่สามารถกลับมาเดินเครื่องได้จากเหตุเพลิงไหม้เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา ทำให้สร้างความกังวลว่าปริมาณน้ำมันอาจตึงตัวเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูท่องเที่ยว
คาดว่าการปิดซ่อมบำรุงแหล่งผลิตน้ำมันดิบทะเลเหนือในเดือนมิถุนายน 2552 จะทำให้ปริมาณการผลิตลดลงประมาณ 300,000 บาร์เรลต่อวัน และมีข่าวกองกำลังรักษาความปลอดภัยของรัฐบาลไนจีเรียปะทะกับกลุ่มก่อการร้ายที่บริเวณ Niger Delta และอาจจำเป็นต้องอพยพพนักงานบริษัทน้ำมันและประชาชนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยอีกด้วย
จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยล่าสุด (วันที่ 20 พฤษภาคม 2552) ราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นมาอยู่ที่ 58.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์เบนซิน 95 อยู่ที่ 70.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (เพิ่มขึ้นถึง 4.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 63.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ราคาน้ำมันยังคงเคลื่อนไหวตามกระแสข่าวรายวัน ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 โรงกลั่นหลายแห่งจะกลับมาเดินเครื่องผลิตหลังปิดซ่อมบำรุง รวมถึงมีโรงกลั่นแห่งใหม่ในเอเชียแปซิฟิกที่จะเริ่มผลิต อาจทำให้ความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น และในวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 ให้จับตามองผลการประชุมผู้ค้าน้ำมันโลก (โอเปก) ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งต้องดูว่าจะดำเนินนโยบายการผลิตอย่างไร
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่ากลุ่มโอเปกอาจไม่ลดปริมาณการผลิตเพราะจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่จะเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกเคร่งครัดต่อโควตาการผลิตมากยิ่งขึ้น