นายกฯ เปิดงาน Money Expo 2009 ส่งสัญญาณ ศก.ไทยเริ่มฟื้นตัว เชื่อการเมืองสงบ ทุกฝ่ายต้องหันหน้ากู้วิกฤต เชื่อว่า ความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ถือเป็นพลังส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Money Expo 2009 โดยมองว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นจากตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวในเดือนมีนาคม 2552 ที่ผ่านมา รวมไปถึงสถานการณ์ของตลาดทุนไทยที่มีแนวโน้มการซื้อขายหลักทรัพย์ไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลกน่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงปีหน้า
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า มาตรการต่างๆ ของภาครัฐที่เร่งนำออกมาใช้นั้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ และน่าจะทำให้ความเชื่อมั่นของไทยฟื้นคืนกลับมา ซึ่งการทำงานของทุกฝ่ายก็เพื่อเดินหน้าช่วยกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนปัญหาทางการเมืองในประเทศที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของไทยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากพิจารณาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาจะเห็นได้ถึงการแสดงออกถึงพลังสามัคคีของคนไทยในเรื่องปรองดองสมานฉันท์ ยึดมั่นต่อสถาบันหลัก และจงรักภักดีพระมหากษัตริย์ รวมถึงการยึดมั่นต่อพุทธศาสนา เชื่อว่า ความสามัคคีปรองดองของคนในชาติจะเป็นพลังส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่า สิ่งที่ยังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ คือ ความเชื่อมั่นในภาคการเงินจากที่ธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่อ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของการดำเนินธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงเป็นสำคัญ แต่ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามเร่งสร้างบรรยากาศด้านการลงทุน เช่นส่งเสริมโครงการต่างๆ การค้ำประกันความเสี่ยงสินเชื่อเพื่อแบ่งเบาภาระให้สถาบันการเงิน
ทั้งนี้ รัฐบาลจะพยายามติดตามแก้ปัญหาในเรื่องนี้ โดยให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบให้มากขึ้น โดยไม่ให้กระทบกับกลไกของตลาด ซึ่งรัฐบาลคาดหวังว่าภาคการเงินจะตอบสนองความต้องการให้แกผู้ประกอบการได้ในยามที่เศรษฐกิจมีปัญหา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แม้บ้านเมืองจะประสบปัญหารอบด้าน แต่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย เศรษฐกิจไทย และสังคมไทย เพราะปัญหาเศรษฐกิจทุกวันนี้ ล้วนแต่เป็นปัญหามาจากภายนอก ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานของไทยยังมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะสถาบันการเงิน และได้ผ่านประสบการณ์ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาแล้ว
ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่า รัฐบาลจะสามารถดูแลการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีศักยภาพทั้งด้านการผลิต การเกษตร และภาคอุตสาหกรรม หากรัฐบาลสามารถกระตุ้นการลงทุนให้เพิ่มขึ้นได้ก็จะช่วยให้ภาคการผลิตขยายตัวมากขึ้นและจะเป็นหลักที่สำคัญของพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ