ปธ.สภาท่องเที่ยว ชื่นชมรัฐบาล แก้ไขปัญหา “หางแดง” คลั่งเผาเมืองได้รวดเร็ว แนะดูแลสถานการณ์ให้นิ่ง ก่อนยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คาด ทั้งปี 52 นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 22.86% เหลือเพียง 10.86 ล้านคน ชี้ สาเหตุที่จำนวนนักท่องเที่ยวไตรมาส 2 ลดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์ป่าเถื่อนบุกเวทีประชุมอาเซียน ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวอาเซียนและจีน ซึ่งอ่อนไหวต่อความรุนแรง ได้ยกเลิกเดินทางเข้ามาในไทย สำหรับรายได้จากการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี คาดว่า จะลดลงจาก 5.4 แสนล้านบาท เหลือประมาณ 3.5แสนล้านบาท ขณะที่การจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะลดลง 2.6 แสนคน
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แถลงถึงแนวทางและข้อเสนอแนะที่ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวมีต่อภาครัฐ โดยระบุว่า จากเหตุการณ์การเมืองที่รุนแรงช่วงเทศกาลสงกรานต์ เบื้องต้นสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ และขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย
นายกงกฤช กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ แสดงความขอบคุณรัฐบาลที่เร่งแก้ไขปัญหาให้ยุติความรุนแรงได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ถือว่าเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรง สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ก็เห็นว่า จำเป็นต้องใช้พระราชกำหนดดังกล่าว ส่วนจะมีการยกเลิกเมื่อไร ขอให้รัฐบาลพิจารณายกเลิกต่อไปเมื่อสถานการณ์เกิดความสงบที่แท้จริงแล้ว
ขณะที่การประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวในประเทศไทยปีนี้ นายกงกฤช กล่าวว่า จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ไตรมาสแรกปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 25 และไตรมาส 2 คาดว่า นักท่องเที่ยวจะลดลงร้อยละ 40 ไตรมาส 3 ลดลงร้อยละ 30 แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายในไตรมาส 4 ที่เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวจากยุโรปและสแกนดิเนเวียนเข้ามา ส่งผลจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาเป็นบวกได้ร้อยละ 10
อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมตลอดปี 2552 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงร้อยละ 22.86 คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยว 10.86 ล้านคน จากปี 2551 ที่มีนักท่องเที่ยว 14.08 ล้านคน ซึ่งสาเหตุที่จำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาส 2 ลดลงอย่างรุนแรง เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่ช่วงเวลานี้ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวอาเซียนและจีน ซึ่งอ่อนไหวต่อความรุนแรง ได้ยกเลิกเดินทางเข้ามาในไทย สำหรับรายได้จากการท่องเที่ยวตลอดปี 2552 คาดว่าจะลดลงจาก 540,000 ล้านบาท เหลือประมาณ 350,000 ล้านบาท ขณะที่การจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะลดลงร้อยละ 10 หรือประมาณ 257,000 คน
นอกจากนี้ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ยังมีความเห็นร่วมกันที่จะเสนอมาตรการเยียวยาต่อรัฐบาล โดยเสนอให้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณา และจะขอเสนอมาตรการไปยังรัฐบาลผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประกอบด้วย มาตรการระยะสั้น จัดทำแผนประชาสัมพันธ์เร่งด่วนเพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจในการเดินทางเข้ามาในไทย และโรดโชว์หลังสถานการณ์ความขัดแย้งสงบลงอย่างแท้จริง ขอให้รัฐบาลเจรจากับสายการบินต่างชาติให้ยังคงเส้นทางการบินมาไทย เพราะปัจจุบัน หลายสายการบินส่งสัญญาณอาจยกเลิกเส้นทางบินมาไทยเร็วๆ นี้ รวมทั้งขอให้รัฐบาลใช้งานไทยแลนด์ แทรเวล มาร์ท ที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายน สร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว
ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ ภาครัฐควรมีมาตรการสนับสนุน เช่น จัดสินเชื่อผ่อนปรนทั้งเงื่อนไขและดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการ การให้ผู้ประกอบการผ่อนชำระภาษีต่างๆ ภายในระยะเวลา 2 ปี เช่น ภาษีโรงเรือนและภาษีบำรุงท้องที่ สนับสนุนผู้ประกอบการอบรมภายในธุรกิจเพื่อลดปัญหาการเลิกจ้าง รวมทั้งสนับสนุนให้มีการทำการตลาด ด้วยการจัดงบประมาณอุดหนุนด้านการท่องเที่ยวเป็นกรณีพิเศษ
