ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ ปรับทิศ มุ่งงานรัฐ เหตุภาคเอชนตัดงบ สัดส่วนปีนี้ 50% เท่ากัน เผยงานมอเตอร์โชว์เห็นชัดเจน ลูกค้าลดงบลง 30% พร้อมเบรกจัด 2 อีเวนต์ใหญ่ของบริษัท ทั้งหัวหินแจ๊สและลีเจนอ์ออฟอังกอร์วัด เหตุสปอนเซอร์หายาก
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์หันมาเน้นงานอีเวนต์ภาครัฐมากขึ้นอีก 10% และลดงานภาคเอกชนลง 10% ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนงานปีนี้เป็น ภาครัฐบาลและภาคเอกชน 50% เท่ากัน จากเดิมปีที่แล้วเน้นงานเอกชนสัดส่วน 60% และงานภาครัฐ 40% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ภาคเอกชนลดงบประมาณอีเวนต์ปีนี้ไปมาก
สำหรับงานภาครัฐบาลที่ขณะนี้บริษัทฯได้ยื่นเรื่องประมูลไปแล้วมีประมาณ 5 อีเวนต์ มีมูลค่างานรวมมากกว่า 250 ล้านบาท ของจากหลายกระทรวง คาดว่าจะสามารถรับรู้ว่าจะได้งานหรือไม่ในเร็วๆนี้ ซึ่งจะมีทั้งงบประมาณพิเศษที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ และงบประมาณปรกติของงานที่มีอยู่แล้ว ซึ่งงานที่บริษัทฯได้และเพิ่งจบไปก็เช่น พิพิธภัณฑ์ทางน้ำที่มีต่อเนื่อตั้งแต่ปีที่แล้วและจะรับรู้รายได้ปีนี้ ประมาณ 60 ล้านบาท จากทั้งหมดกว่า 100 ล้านบาท
“ปีนี้การแข่งขันรับงานอีเวนต์ภาครัฐบาลก็คงจะแข่งขันกันรุนแรงด้วย เพราะหลายบริษัทหันมาเน้นงานภาครัฐบาลมากขึ้น เพราะมีงบประมาณแน่นอน ขณะที่งานภาคเอกชนลดงบเห็นได้ชัด เช่น งานมอเตอร์โชว์ปีนี้เห็นได้ชัดเจนเลย โดยเราได้รับงานแบบออร์กาไนเซอร์ 2 บูท และรับงานก่อสร้างอีก 9 บูท ซึ่งเฉลี่ยแล้วลูกค้าลดงบลงไปถึง 30%”
ขณะเดียวกันก็มีแผนที่จะหยุดการจัดอีเวนต์ใหญ่ 2 งานของบริษัท คือหัวหินแจ๊สที่หัวหิน ปีนี้จะหยุดจัดเนื่องจากว่าการหาสปอนเซอร์ลำบากในภาวะเศรษฐกิจเข่นนี้ รวมทั้งบรรยากาศที่ไม่เอื้ออำนวยให้จัดด้วย ซึ่งปรกติแล้วงานนี้มีมูลค่ามากกว่า 15 ล้านบาท ส่วนอีกงานเป็นของบริษัท บายน ซีเอ็มที่กัมพูชาเป็นบริษัทร่วมทุน ปีนี้จะงดการจัดงาน ลีเจนด์ออฟอังกอร์วัด ซึ่งปกติแล้วมีมูลค่างานมากกว่า 30 ล้านบาท แต่บริษัทยังดำเนินงานอยู่โดยจะหันไปเน้นตลาดไมซ์เป็นหลัก ซึ่งปีหน้าทั้งสองงานนี้จะจัดหรือไม่ต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทฯมีงานที่รอรับรู้รายได้แล้วแน่นอนประมาณ 500 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้ทั้งปี จะมีรายได้รวมประมาณ 780 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 800 ล้านบาท และยังต่ำกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้รวมประมาณ 790 ล้านบาท ของทั้งกลุ่ม ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้ผลประกอบการก็คงไม่ค่อยดีเท่าใด ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่จะเริ่มดีขึ้นในไตรมาสที่สอง และบริษัทฯยังได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปีที่แล้วด้วย
นายเสริมคุณกล่าวต่อว่า แม้จะชะลอการจัดงาน 2 อีเวนต์ใหญ่ แต่ก็จะหันมาเน้นการสร้างแบรนด์เดอะบีชมากขึ้น ล่าสุดร่วมกับซีพีเอ็นจัดงานสงกรานต์ขึ้นที่เซ็นทรัลเวิลด์
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์หันมาเน้นงานอีเวนต์ภาครัฐมากขึ้นอีก 10% และลดงานภาคเอกชนลง 10% ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนงานปีนี้เป็น ภาครัฐบาลและภาคเอกชน 50% เท่ากัน จากเดิมปีที่แล้วเน้นงานเอกชนสัดส่วน 60% และงานภาครัฐ 40% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ภาคเอกชนลดงบประมาณอีเวนต์ปีนี้ไปมาก
สำหรับงานภาครัฐบาลที่ขณะนี้บริษัทฯได้ยื่นเรื่องประมูลไปแล้วมีประมาณ 5 อีเวนต์ มีมูลค่างานรวมมากกว่า 250 ล้านบาท ของจากหลายกระทรวง คาดว่าจะสามารถรับรู้ว่าจะได้งานหรือไม่ในเร็วๆนี้ ซึ่งจะมีทั้งงบประมาณพิเศษที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ และงบประมาณปรกติของงานที่มีอยู่แล้ว ซึ่งงานที่บริษัทฯได้และเพิ่งจบไปก็เช่น พิพิธภัณฑ์ทางน้ำที่มีต่อเนื่อตั้งแต่ปีที่แล้วและจะรับรู้รายได้ปีนี้ ประมาณ 60 ล้านบาท จากทั้งหมดกว่า 100 ล้านบาท
“ปีนี้การแข่งขันรับงานอีเวนต์ภาครัฐบาลก็คงจะแข่งขันกันรุนแรงด้วย เพราะหลายบริษัทหันมาเน้นงานภาครัฐบาลมากขึ้น เพราะมีงบประมาณแน่นอน ขณะที่งานภาคเอกชนลดงบเห็นได้ชัด เช่น งานมอเตอร์โชว์ปีนี้เห็นได้ชัดเจนเลย โดยเราได้รับงานแบบออร์กาไนเซอร์ 2 บูท และรับงานก่อสร้างอีก 9 บูท ซึ่งเฉลี่ยแล้วลูกค้าลดงบลงไปถึง 30%”
ขณะเดียวกันก็มีแผนที่จะหยุดการจัดอีเวนต์ใหญ่ 2 งานของบริษัท คือหัวหินแจ๊สที่หัวหิน ปีนี้จะหยุดจัดเนื่องจากว่าการหาสปอนเซอร์ลำบากในภาวะเศรษฐกิจเข่นนี้ รวมทั้งบรรยากาศที่ไม่เอื้ออำนวยให้จัดด้วย ซึ่งปรกติแล้วงานนี้มีมูลค่ามากกว่า 15 ล้านบาท ส่วนอีกงานเป็นของบริษัท บายน ซีเอ็มที่กัมพูชาเป็นบริษัทร่วมทุน ปีนี้จะงดการจัดงาน ลีเจนด์ออฟอังกอร์วัด ซึ่งปกติแล้วมีมูลค่างานมากกว่า 30 ล้านบาท แต่บริษัทยังดำเนินงานอยู่โดยจะหันไปเน้นตลาดไมซ์เป็นหลัก ซึ่งปีหน้าทั้งสองงานนี้จะจัดหรือไม่ต้องรอดูสถานการณ์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทฯมีงานที่รอรับรู้รายได้แล้วแน่นอนประมาณ 500 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้ทั้งปี จะมีรายได้รวมประมาณ 780 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 800 ล้านบาท และยังต่ำกว่าปีที่แล้วที่มีรายได้รวมประมาณ 790 ล้านบาท ของทั้งกลุ่ม ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้ผลประกอบการก็คงไม่ค่อยดีเท่าใด ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่จะเริ่มดีขึ้นในไตรมาสที่สอง และบริษัทฯยังได้รับผลกระทบจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปีที่แล้วด้วย
นายเสริมคุณกล่าวต่อว่า แม้จะชะลอการจัดงาน 2 อีเวนต์ใหญ่ แต่ก็จะหันมาเน้นการสร้างแบรนด์เดอะบีชมากขึ้น ล่าสุดร่วมกับซีพีเอ็นจัดงานสงกรานต์ขึ้นที่เซ็นทรัลเวิลด์