xs
xsm
sm
md
lg

แห่ขึ้นเงินเช็คช่วยชาติโวยรัฐบาลจัดการห่วย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทั่วประเทศแตกตื่นรับเช็คช่วยชาติเป็นประวัติศาสตร์! วันเดียวแห่รับเช็คแล้วเกือบล้านราย เฉพาะผู้ประกันตนที่ยังทำงาน 9 แสนราย ส่วนใหญ่ขออุ่นใจเบิกเงินสดยอดพุ่งไม่หยุด นายกฯ หวังเงิน 2,000 ใช้จ่ายในเมืองไทย ร่วมฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ขณะที่ผู้รับเช็คบ่นอุบ สภาพเหมือนขอทาน รอจนเป็นลม บางรายผิดหวังมีชื่อแต่เลขที่บัตรประชาชนผี ผู้รับเช็ครายแรกสุดปลื้ม เผย ใช้เงินค่าคลอดลูก-สงกรานต์ แบงก์กรุงเทพขยายเวลาให้บริการ UNเตือนมาร์คใช้จ่ายระวัง

วานนี้ (26 มี.ค.) ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ดำเนินการโครงการเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท เป็นวันแรก ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อมอบเช็คช่วยชาติให้แก่ผู้ประกันตนจำนวน 7.5 ล้านคน ซึ่งผ่านการตรวจสอบสิทธิและออกเช็คแล้วจำนวน 5.5 ล้านคน

**ยอดวันแรกเกือบล้านฉบับ

นางสุจิตรา บุญชู รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้สรุปยอดผู้มารับเช็คช่วยชาติฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจโลก 2,000 บาท ตามโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน ที่เปิดให้ผู้มีสิทธิมารับเป็นวันแรกในวันที่ 26 มี.ค.ว่า เจ้าหน้าที่ สปส.ได้ไปจ่ายเช็คช่วยชาติให้ผู้ประกันตนที่มีสิทธิทั่วประเทศแล้วเกือบ 1 ล้านฉบับ ในจำนวนนี้ เป็นผู้ประกันตนที่ยังทำงานกับนายจ้าง ตามมาตรา 33 ประมาณ 900,000 ฉบับ ที่เหลือเป็นผู้ประกันตนเองตามมาตรา 39 โดยเป็นส่วนของในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งให้มารับในวันนี้ที่ลานคนเมืองแห่งเดียว ประมาณ 8,000 ฉบับ

**แห่รับเช็คแน่นลานคนเมือง

สำหรับบรรยากาศการรับเช็คช่วยชาติ เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ใน 4 เขตชั้นใน ได้แก่ พระนคร ดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย และสัมพันธวงศ์ และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ที่สมัครเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจ เดินทางมายังลานคนเมืองอย่างล้นหลาม เพื่อมารับเช็คช่วยชาติมูลค่า 2,000 บาท ซึ่งสามารถนำไปขึ้นเงินได้ทันทีที่โต๊ะให้บริการของธนาคารกรุงเทพฯ ที่ได้เตรียมเงินสดมากว่า 1 ล้านบาท ไว้คอยบริการผู้ประกันตนโดยไม่มีการหักค่าธรรมเนียม

โดยในเวลา 08.35 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานกล่าวเปิดงานโครงการเช็คช่วยชาติฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก ว่า อยากให้ผู้ประกันตนที่ได้รับเช็คช่วยชาติเอาไปส่งเสริมการใช้จ่าย เพื่อรักษามูลค่ามาตรฐานของการครองชีพในช่วงที่ประสบภาวะยากลำบาก และหวังว่าจะนำไปใช้จ่ายหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวในเมืองไทย และหวังว่า จะเป็นการเริ่มต้นบรรยากาศของความคึกคักต่อไป โดยผู้ที่ได้รับเช็คใบแรกของโครงการ คือ นางกงใจ หารไชย อายุ 31 ปี อาชีพผู้ช่วยครูอนุบาลโรงเรียนสาลิน กทม.จาก จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39 ได้รับเช็ครหัส 001

นายกฯ ระบุว่า ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในโลก ส่งผลต่อวิกฤตเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะส่งผลต่อผู้มีรายได้น้อย นับตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งทราบดีว่า ต้องการให้เศรษฐกิจหมุนเวียน บรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งรัฐบาลพร้อมดูแลประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งพี่น้องเกษตรกร ที่รัฐบาลดูแลราคาพืชผล โครงการชุมชนพอเพียง รวมไปถึงพี่น้องที่ว่างงานรัฐบาลก็ได้ให้ความช่วยเหลือในโครงการต้นกล้าอาชีพ แต่มีประชาชนกลุ่มใหญ่จำนวน 8 ล้านคน ที่มีรายได้น้อย จึงจำเป็นต้องช่วยเหลือดูแล จึงทำให้มีโครงการเช็คช่วยชาติขึ้น โดยจะดำเนินการจ่ายเงินออกได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“สิ่งที่อยากจะให้ประชาชนเห็น คือ จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับที่เหมาะสม การที่รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยโดยให้เช็ค 2,000 บาท ไม่ได้เป็นการมุ่งหวังให้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในยามวิกฤตเศรษฐกิจ ที่รายได้ลดลงแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ด้าน นางกงใจ หารไชย กล่าวว่า ดีใจมากและจะนำเช็คไปใช้เที่ยวสงกรานต์ ซื้อของฝากญาติผู้ใหญ่ และไว้เป็นค่าทำคลอดลูกส่วนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ตั้งครรภ์ได้ 5 เดือนแล้ว และคิดว่าลูกคนนี้นำโชคมาให้ตน

**สวดยับระบบจัดการห่วย

น.ส.มนธิชา จันทร์แปลง อายุ 32 ปี พนักงานบริษัท สหประกันชีวิต เขตดุสิต ที่นำเช็คไปขึ้นเงินทันที เปิดเผยความรู้สึกว่า ครั้งแรกที่ได้รับเช็คช่วยชาติก็รู้สึกดีใจ ขอบคุณที่มีโครงการนี้ ซึ่งวันนี้นายจ้างได้อนุญาตให้ตนและเพื่อนกว่า 30 คนหยุดงานได้ครึ่งวัน เพื่อมารับเช็คดังกล่าว โดยจะเอาไปใช้จ่ายซื้อของหลายอย่างหมดก่อนเทศกาลสงกรานต์แน่นอน

ส่วน น.ส.นฤมล เหล็งโป้ อาชีพครูพี่เลี้ยง ที่เดินทางออกจากบ้านย่านบางบอน เมื่อเวลาตี 5 ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาถึงเมื่อเวลา 6 โมงเช้า พอมาถึงก็เข้าคิวเลยทันที โดยวันนี้ลางานเพื่อมารับเช็คโดยเฉพาะ ก็รู้สึกว่า กว่าจะได้เช็คใบนี้มามันยากมาก คนมาเยอะมาก โดยตนยังไม่แลกเช็คเป็นเงินสด เพราะจะรอดูโปรโมชันจากห้างสรรพสินค้าต่างๆ เผื่อจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งใจจะซื้อของใช้ในบ้าน เช่น น้ำมันพืช น้ำปลา เป็นต้น

ขณะที่ นางนงลักษณ์ มาไพศาลสิน อาชีพแม่บ้าน ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ที่เดินทางมารับเช็คช่วยชาติพร้อมกับลูกชาย กล่าวว่า มาถึงที่นี่ตั้งแต่ 6 โมงเช้า มาจากบ้านย่านหนองแขม เงินที่ได้ 2,000 บาทนี้ ก็จะเก็บไว้จ่ายเงินสมทบประกันสังคม อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่า เงิน 2,000 บาท คงไม่สามารถช่วยคนได้เท่าไหร่ ซึ่งหากไม่ได้รับในส่วนนี้ก็ไม่เดือดร้อนอะไร

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จากจากกระทรวงแรงงาน ยังเป็นไปด้วยความชุลมุน วุ่นวาย เนื่องจากมีผู้มารอรับเช็คจำนวนมาก ขณะเดียวกัน เครื่องมือ เช่น ที่กดรับบัตรคิวมีเพียง 4 เครื่อง ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ที่มารอรับเช็คที่มีกว่าหลายพันคน บางรายยืนเข้าคิวเพื่อรับบัตรคิวกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่รับ จนมีผู้ประกันตนบางรายบ่นด้วยความรู้สึกหงุดหงิดว่าเหมือน “ขอทาน”

นายบำรุง ปานมณี อายุ 60 ปี ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 เขตพื้นที่ 6 กล่าวว่า ออกเดินทางจากบ้านที่เขตหนองแขมตั้งแต่ตี 5 เพื่อมารับเช็คช่วยชาติ โดยตั้งใจว่าจะได้ลำดับคิวต้นๆ แต่จนถึงเวลา 10.00 น.ก็ยังไม่ได้รับเช็ค เพราะมีผู้มารับสิทธิเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเมื่อเข้ารับบัตรคิว ปรากฏว่า คอมพิวเตอร์เสีย คาดว่า จะซ่อมแซมเสร็จในช่วงเย็น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ผู้ที่มารับเช็คในเขตพื้นที่ 6 กลับไปรับเช็คที่ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ปาร์คบางแค ชั้น 4 วันที่ 4-8 เม.ย.แทน

“วันนี้อุตส่าห์ตั้งใจมารับเช็คช่วยชาติ เพราะต้องการเอาเงินไปซื้อของกินของใช้ที่บ้าน แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็เสียความรู้สึก” นายบำรุง กล่าว

ด้าน นายงาม สุขเล่ห์ อายุ 61 ปี อาชีพ รปภ.ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 เขตพื้นที่ 3 กล่าวว่า เดินทางออกจากบ้าน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ตี 4 แต่เมื่อมาตรวจสอบรายชื่อแล้วปรากฏว่าชื่อตกหล่น

**รอนานเป็นลมหามส่ง รพ.

ส่วนในช่วงบ่าย ที่ลานคนเมืองก็ยังคงเนืองแน่นไปด้วยผู้ประกันตน โดยมีผู้ประกันตนเป็นลมไปหลายราย ซึ่งที่หนักสุดต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลรามาธิบดีเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา เนื่องจากมีโรคประจำตัวแทรกซ้อน

น.ส.อภิษฎา นิลทราย อายุ 31 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 33 พนักงานห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พัทยา จ.ชลบุรี ที่เดินทางมาจากพัทยา เมื่อวานนี้เพื่อรับเช็คช่วยชาติโดยเฉพาะ ก็เป็นลมในขณะที่เข้าแถวรับบัตร และมีอาการเกร็งเป็นระยะๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องนำหน้ากากมาครอบเพื่อช่วยในการหายใจ

ด้าน น.ส.น้อย แซ่โง้ง อายุ 50 ปี อาชีพลูกจ้างร้านขายของย่านวงเวียน 22 ผู้ประกันตนมาตรา 39 ซึ่งเดินทางมาตั้งแต่ 10 โมงเช้า และได้รับเช็คไปเมื่อเวลา 14.15 น.ให้สัมภาษณ์ว่า เช็คที่ได้ไม่คุ้มกับที่รอ ทำให้ตนเสียงานไปหนึ่งวันต้องถูกเถ้าแก้ต่อว่าและโดนหักเงินเดือนไป 240 บาท ซึ่งตนเข้าใจว่ามารับเช็คแป๊บเดียว ไม่คิดว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้ และเงินที่ได้ก็เท่ากับว่าตนได้ไม่ครบ 2,000 บาท เพราะหักค่าแรงที่ถูกหักไปด้วย

ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกันตนที่นายจ้างมีสถานประกอบการใน 4 เขตชั้นใน ได้แก่ พระนคร ดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย และสัมพันธวงศ์ หากไม่สามารถรับเช็คช่วยได้ภายในวันที่ 28 มี.ค.นี้ สามารถมาขอรับเช็คได้ตามวันเวลา ดังนี้ คือ 1.ในวันที่ 1-8 เม.ย.ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น.ณ สมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัยฯ ถนนสามเสน ตรงข้ามหอสมุดแห่งชาติ 2.ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. เป็นต้นไป เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น.ณ สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 1 โดยให้มารับภายใน 90 วัน

ยังมีผู้รับเช็คที่ผิดหวังร้องเรียนมายัง “ASTVผู้จัดการ” ว่า รู้สึกผิดหวังกับระบบการจัดการของรัฐบาล เนื่องจากตนไปยื่นรับเช็คแต่ไม่ได้ เนื่องจากเลขที่ในบัตรประชาชนไม่ตรงกับป้ายประกาศ เจ้าหน้าที่จึงปฏิเสธ ทั้งที่ป้ายประกาศมีชื่อตรงกับตนแต่เลขที่บัตรกลับมี 14 ตัว จากที่ถูกต้อง คือ 13 ตัว

**บัวหลวงขยายเวลารับเบิกเงิน

ด้าน นายธีระ อภัยวงศ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวถึงภาพรวมของการให้บริการจากที่ได้รับรายงานมาเฉพาะวานนี้ (26) ตามที่ทำการสาขายังมีปริมาณไม่สูงมากนัก ด้วยเป็นวันแรกที่ทางกรมบัญชีกลาง และ สปส.เริ่มดำเนินการแจกจ่าย ผู้มีสิทธิ์ได้รับจึงมีเพียงบางส่วน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ในจุดให้บริการเคลื่อนที่ๆธนาคารไปเปิดให้บริการเคียงข้างจุดแจกจ่ายเช็คช่วยชาติ ปริมาณการใช้บริการจากผู้มีสิทธิในเช็คช่วยชาติที่จะเบิกเงินสดในทันทีเป็นจำนวนมาก เช่น บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการ กทม.เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.มาเบิกเงินแล้วประมาณ 8,000 ราย และไปเบิกจากสาขาในห้างสรรพสินค้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 20,000 ราย รวมเป็น 28,000 ราย คิดเป็นเงิน 56 ล้านบาท

ธนาคารคาดการณ์ว่า จะมีปริมาณผู้มาเบิกเงินสดเพิ่มมากขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งธนาคารได้จัดเตรียมพนักงานประจำเพิ่มในสาขาทุกแห่ง และธนาคารได้ขยายเวลาให้บริการขึ้นเงินสดในโครงการเช็คช่วยชาติในสาขาหลักทั่วประเทศ จนถึงเวลา 20.00 น.รวมทั้งเพิ่มการให้บริการในวันเสาร์ ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น.

**ต่างจังหวัดคึกคักไม่แพ้ กทม.

สำหรับบรรยากาศในพื้นที่ต่างจังหวัดก็คึกคักเช่นกัน เช่น ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีประชาชนผู้มีสิทธิ์รับเช็คช่วยชาติเข้าคิวรอตั้งแต่เช้าตรู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่มารับเช็คบอกว่า จะนำเงินไปซื้อของใช้จำเป็นในครอบครัว

ที่ จ.พิษณุโลก นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ปล่อยขบวนคาราวานรถเคลื่อนที่เร็วจ่ายเช็คช่วยชาติ โดยเจ้าหน้าที่ทั้งจากประกันสังคมจังหวัดและกระทรวงแรงงานกว่า 100 คน สนธิกำลังช่วยจ่ายเช็คกับผู้ประกันตนตามอำเภอต่างๆ ซึ่งในส่วนของ จ.พิษณุโลก มีผู้ลงทะเบียนรับเช็คทั้งหมดเกือบ 39,500 คน

นางยุพยง ทองประสม ประกันสังคม จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ผู้ประกันตนในจังหวัดมีสิทธิรับเช็คช่วยชาติที่ได้รับการตรวจสอบยืนยันสิทธิแล้วทั้งหมดจำนวน 176,821 คน รวมเป็นเงิน 353,642,000 บาท ซึ่งการจ่ายเช็คงวดแรกลงวันที่ 26 มี.ค.2552 มีการอนุมัติจ่ายเช็คจำนวน 148,315 ราย เป็นเงิน 296,630,000 บาท และงวดที่ 2 เช็คลงวันที่ 31 มี.ค. 2552 อนุมัติจ่ายจำนวน 28,500 ราย เป็นเงิน 57,012,000 บาท

ที่ จ.สงขลา นายเชาวลิต ตันติสุนทร รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ลงพื้นที่ติดตามความเรียบร้อยการจ่ายเช็คช่วยชาติด้วยตนเอง โดยมีผู้มีสิทธิ์มาเข้าคิดวรอรับเช็คกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะการรับเช็คที่บริษัท โชติวัฒน์อุตสาหกรรมการผลิต จำกัด อ.หาดใหญ่ ซึ่งบริษัท โชติวัฒน์ฯ มีพนักงานผู้มีรายได้น้อยกว่า 1,500 คน มาเข้าแถวรอรับเช็คกันอย่างคึกคัก ซึ่งส่วนใหญ่พนักงานที่ได้รับเช็คจะนำเช็คขึ้นเงินกับธนาคารทันที และจะนำเงินส่วนนี้ไปใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด

ส่วนที่ศาลาประชาคมจ.ภูเก็ต นายสมิทธิ์ ปาลวัฒนวิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานจ่ายเช็ค 2,000 บาทให้แก่ผู้มีสิทธิ์ โดยมีผู้ประกันตนที่มีสิทธิ์ได้รับเช็คมารอรับเช็คจำนวนมากทำให้ผู้ประกันตนบางส่วนที่มารอตั้งแต่ช่วงเช้าไม่พอใจ เนื่องจากต้องรอนาน ประกอบกับอากาศที่เริ่มร้อน แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้พยายามอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น

**UN เตือนรัฐบาลใช้จ่ายระวัง

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ในรายงานสำรวจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกฉบับล่าสุดของสำนักงานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชีย-แปซิฟิก (เอสแคป) ที่เปิดตัวนำออกเผยแพร่ที่กรุงเทพฯเมื่อวานนี้ (26) ได้กล่าวเตือนประเทศไทยว่าอย่าได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจนมากเกินไป

**“ช่วงที่เลวร้ายที่สุดนั้นมายังไม่ถึง”

เศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะอยู่ในภาวะหดตัว 0.5% ซึ่งนับว่ามองสถานการณ์สดใสกว่ากระทรวงการคลังของไทยเอง ที่เชื่อว่า ปีนี้น่าจะหดตัวระหว่าง 2-3%

เอสแคป เตือนว่า ประเทศไทยไม่ควรคาดหวังว่าจะสามารถหลุดออกจากวิกฤตได้ด้วยการทุ่มเทใช้จ่ายงบประมาณ

“ทรัพยากรต่างๆ ทางการคลังนั้นมีอยู่จำกัด และการเพิ่มการขาดดุลงบประมาณในวันนี้ ในที่สุดแล้วก็จะต้องมีการตัดทอนงบประมาณ” กันในอนาคต รายงานการสำรวจฉบับนี้ระบุ “ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดที่จะต้องมีการคัดสรรในการใช้กองทุนสาธารณะ”

อนึ่ง สำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งเสนอข่าวการเริ่มโครงการ “เช็คช่วยชาติ” ของรัฐบาลไทย ได้ระบุว่า พวกนักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นกันว่า โครงการนี้จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างน้อยก็ในระยะสั้น

“การอัดฉีดเงินเข้าไปในโครงการระยะสั้นๆ เพื่อสนับสนุนให้มีการใช้จ่ายในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสองนั้นเป็นเรื่องที่ดี ผมคิดว่ามันจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และจะมีผลกระทบโดยเร็วบางประการ” นายคาร์ล ราจู นักเศรษฐศาสตร์แห่ง ฟอร์แคสต์ ในสิงคโปร์ ให้ความเห็น
กำลังโหลดความคิดเห็น