ผู้ประกันตนหลายพันคนแห่รับเช็คช่วยชาติวันแรกที่ลานคนเมืองกันอย่างคึกคัก “อภิสิทธิ์” ย้ำนำเงิน 2,000 ไปใช้จ่ายในเมืองไทย ขณะที่ผู้มีสิทธิ์บ่นกว่าจะได้รับเช็คเหมือนขอทาน สวดการจัดระบบห่วยแตก เครื่องมือ-เจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับเช็คช่วยชาติ ตามโครงการเช็คช่วยชาติฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดให้มีการรับเช็คดังกล่าว ซึ่งมีผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ใน 4 เขตชั้นใน ได้แก่ พระนคร ดุสิต ป้อมปราบศัตรูพ่าย และสัมพันธวงศ์ และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ที่สมัครเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจ เดินทางมายังลานคนเมืองหลายพันคนเพื่อมารับเช็คช่วยชาติมูลค่า 2,000 บาท ซึ่งสามารถนำไปขึ้นเงินได้ทันทีที่โต๊ะให้บริการของธนาคารกรุงเทพ ที่วันนี้เตรียมเงินสดมากว่า 1 ล้านบาท คอยบริการผู้ประกันตนโดยไม่มีการหักค่าธรรมเนียม
โดยเมื่อเวลา 08.35 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานกล่าวเปิดงานโครงการเช็คช่วยชาติฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกว่า อยากให้ผู้ประกันตนที่ได้รับเช็คช่วยชาติเอาไปส่งเสริมการใช้จ่ายเพื่อรักษามูลค่ามาตรฐานของการครองชีพในช่วงที่ประสบภาวะยากลำบาก และหวังว่าจะนำไปใช้จ่ายหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวในเมืองไทยและหวังว่าจะเป็นการเริ่มต้นบรรยากาศของความคึกคักต่อไป
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ได้มอบเช็คหมายเลข 1 ให้กับนางกงใจ หารไชย อายุ 31 ปี อาชีพผู้ช่วยครูอนุบาลโรงเรียนสาลิน กทม. ชาวจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นผู้ประกันตนโดยสมัครใจตามมาตรา 39 และเป็นผู้ประกันตนรายแรกที่รับเช็คช่วยชาติจากมือนายกรัฐมนตรี โดยนางกงใจกล่าวว่า ดีใจมากและจะนำเช็คที่ได้รับไปถ่ายเอกสารเก็บไว้เป็นที่ระลึก และนำไปให้เพื่อนๆ ดู จากนั้นนำไปเที่ยวสงกรานต์ ซื้อของฝากญาติผู้ใหญ่ และไว้เป็นค่าทำคลอดลูกส่วนหนึ่งซึ่งตอนนี้ท้องได้ 5 เดือนแล้ว และคิดว่าลูกคนนี้นำโชคมาให้ตน
นอกจากนี้ นางกงใจยังได้รับของสมนาคุณเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือนจากผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่มาเปิดบูธจำหน่ายสินค้าในครัวเรือนให้กับผู้ประกันตนที่ได้รับเช็คช่วยชาติจำนวน 2,000 บาท
ด้านนางสาวมนธิชา จันทร์แปลง อายุ 32 ปี พนักงานบริษัทสหประกันชีวิต เขตดุสิต ที่นำเช็คไปขึ้นเงินทันที เปิดเผยความรู้สึกว่า ครั้งแรกที่ได้รับเช็คช่วยชาติก็รู้สึกดีใจ ของคุณที่มีโครงการนี้ ซึ่งวันนี้นายจ้างได้อนุญาตให้ตนและเพื่อนกว่า 30 คนหยุดงานได้ครึ่งวันเพื่อมารับเช็คดังกล่าว โดยจะเอาไปใช้จ่ายซื้อของหลายอย่างหมดก่อนเทศกาลสงกรานต์แน่นอน
ส่วนนางสาวนฤมล เหล็งโป้ อาชีพครูพี่เลี้ยง ที่เดินทางออกจากบ้านย่านบางบอน เมื่อเวลาตี 5 ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาถึงเมื่อเวลา 6 โมงเช้า พอมาถึงก็เข้าคิวเลยทันทีโดยวันนี้ลางานเพื่อมารับเช็คโดยเฉพาะ ก็รู้สึกว่ากว่าจะได้เช็คใบนี้มามันยากมาก คนมาเยอะมาก แถวก็ตัดไปตัดมา บางคนก็มาแทรก แต่ตอนนี้จะยังไม่แลกเช็คเป็นเงินสดเพราะจะรอดูโปรโมชันจากห้างสรรพสินค้าต่างๆ เผื่อจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งใจจะซื้อของใช้ในบ้าน เช่น น้ำมันพืช น้ำปลา เป็นต้น
ขณะที่นางนงลักษณ์ มาไพศาลสิน อาชีพแม่บ้าน ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ที่เดินทางมารับเช็คช่วยชาติพร้อมกับลูกชาย กล่าวว่า มาถึงที่นี่ตั้งแต่ 6 โมงเช้ามาจากบ้านย่านหนองแขม เงินที่ได้ 2,000 บาทนี้ก็จะเก็บไว้จ่ายเงินสมทบประกันสังคม อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่าเงิน 2,000 บาทคงไม่สามารถช่วยคนได้เท่าไหร่ซึ่งหากไม่ได้รับในส่วนนี้ก็ไม่เดือดร้อนอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงงานด้วยว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จากจากกระทรวงแรงงาน ยังเป็นไปด้วยความชุลลุน วุ่นวาย เนื่องจากมีผู้มารอรับเช็คจำนวนมาก ขณะเดียวกันที่เครื่องเครื่องมือ เช่น ที่กดรับบัตรคิวมีเพียง 4 เครื่องซึ่งไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ที่มารอรับเช็คที่มีกว่าหลายพันคนซึ่งต้องต่อแถวยาวเหยียดจนวกวนไปมา บางคนยืนเข้าคิวเพื่อรับบัตรคิวกว่า 1 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่รับ จนมีผู้ประกันตนบางรายบ่นด้วยความรู้สึกหงุดหงิดว่าเหมือน “ขอทาน” นอกจากนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำถึงขั้นตอนการรับเช็คฯ ส่วนผู้ที่ได้รับบัตรคิวก็ต้องเข้าแถวรอเจ้าหน้าที่กว่าจะค้นหาเช็คเจอก็ใช้เวลานานจนมีการโต้เถียงกันกับเจ้าหน้าที่ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว
ด้านนายบำรุง ปานมณี อายุ 60 ปี ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 เขตพื้นที่ 6 กล่าวว่า ออกเดินทางจากบ้านที่เขตหนองแขมตั้งแต่ตี 5 เพื่อมารับเช็คช่วยชาติ โดยตั้งใจว่าจะได้ลำดับคิวต้นๆ แต่จนถึงเวลา 10.00 น. ก็ยังไม่ได้รับเช็ค เพราะมีผู้มารับสิทธิเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเมื่อเข้ารับบัตรคิวปรากฏว่าคอมพิวเตอร์เสีย คาดว่าจะซ่อมแซมเสร็จในช่วงเย็น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ผู้ที่มารับเช็คในเขตพื้นที่ 6 กลับไปรับเช็คที่ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ปาร์คบางแค ชั้น 4 วันที่ 4-8 เม.ย.แทน
“วันนี้อุตส่าห์ตั้งใจมารับเช็คช่วยชาติ เพราะต้องการเอาเงินไปซื้อของกินของใช้ที่บ้าน แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็เสียความรู้สึก เพราะขั้นตอนการแจกเช็คห่วยมาก เจ้าหน้าที่เองก็ไม่มีความพร้อม ชาวบ้านที่มารับเช็คต้องคอยสอบถามกันเองว่ามีขั้นตอนอย่างไร” นายบำรุง กล่าว
ด้านนายงาม สุขเล่ห์ อายุ 61 ปี อาชีพ รปภ. ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 เขตพื้นที่ 3 กล่าวว่า เดินทางออกจากบ้าน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ตี 4 แต่เมื่อมาตรวจสอบรายชื่อแล้วปรากฏว่าชื่อตกหล่น อีกทั้งขั้นตอนการรับเช็คยังยุ่งยากซับซ้อน ไม่มีเจ้าหน้าที่มาให้คำแนะนำ
“ถ้าวันนี้ไม่ได้เช็คก็คงไม่เอาแล้ว เพราะเสียค่ารถเดินทางมา 200 บาท ค่าแท็กซี่อีก 200 บาท ยังไม่นับค่าข้าวค่าน้ำ และค่ารถขากลับที่ต้องใช้จ่ายอีกหลายร้อยบาท ถ้าได้เช็ค 2,000 บาทมาแล้ว คงต้องเอาไปซื้อเกลือซื้อน้ำปลาไว้คลุกข้าวกิน” นายงาม กล่าว
นายงาม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยโทร.สอบถามไปที่สำนักงานประกันสังคมกับกระทรวงแรงงาน แต่ก็ถูกตัดสาย ไม่มีคนรับเรื่อง ทำให้ต้องเดินทางมาตรวจสอบรายชื่อด้วยตัวเอง
“ที่จริงรัฐบาลน่าจะโอนเงินเข้าบัญชีไปเลย ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องเสียเงินค่าเดินทางมารับเช็ค เพราะที่ลานคนเมืองร้อนมาก สงสารคนแก่คนเฒ่าที่ต้องรอคิวนาน กลัวจะเป็นลมไปเสียก่อน” นายงาม กล่าว
ด้านนายเอกลักษณ์ มณีจอม อายุ 26 ปี นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 เขตพื้นที่ 1 กล่าวว่า ควรจะมีเจ้าหน้าที่มาให้คำแนะนำแก่ผู้มารับเช็คว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง อีกทั้งการจัดสถานที่ก็ค่อนข้างสับสน ทำให้ประชาชนไม่ทราบว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร
“จุดประสงค์ของโครงการเช็คช่วยชาติถือว่าดีแล้ว แต่ขั้นตอนการปฏิบัติควรต้องปรับปรุง เพราะไม่มีระบบระเบียบ และไม่มีความสะดวก ทำให้ชาวบ้านต้องสอบถามกันวุ่นวายไปหมด” นายเอกลักษณ์ กล่าว