ดีทแฮล์ม ทุ่ม 20 ล้านบาท บูมตลาดไม้เทนนิสแบรนด์ “วิลสัน” หลังเข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปีก่อน แย้มเตรียมส่งสินค้าลุยค้าปลีกในไตรมาส 2 เชื่อสิ้นปียอดขายโตพรวด 30% ส่วนภาพรวมอุปกรณ์กีฬาปีนี้ อย่างเก่งน่าจะโตได้อีก 5-10%
นายชูเกียรติ โตกมลธรรม ผู้จัดการแผนก บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอุปกรณ์กีฬาปีนี้ เชื่อว่าน่าจะยังมีการเติบโตได้อีก 5-10% เนื่องจากมองว่า เป็นกลุ่มสินค้าที่ไม่น่าจะได้รับกระทบจากเศรษฐกิจ เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับสุขภาพ และการออกกำลังกาย โดยเฉพาะกลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่
สำหรับกลุ่มอุปกรณ์กีฬาที่ทางดีทแฮล์มดูแลและจัดจำหน่าย 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มอุปกรณ์กีฬาเทนนิส, แบดมินตัน และสควอช และกลุ่มอุปกรณ์กีฬากอล์ฟ ซึ่งในภาพรวมตลาดกอล์ฟ ถือว่า มีมูลค่าใหญ่กว่ากลุ่มไม้แร็กเก็ต แต่สำหรับดีทแฮล์มแล้ว ยอดขายจากกลุ่มไม้แร็กเก็ตอยู่ที่ 70% ส่วนอุปกรณ์กอล์ฟมีเพียง 30% ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ยอดขายจากทั้ง 2 กลุ่มนี้ ยังเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่เพียงแค่ 2 เดือน ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าภาพรวมธุรกิจอุปกรณ์กีฬาจะมีทิศทางไปในทางใด
ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มไม้แร็กเก็ต ปีก่อนบริษัทได้เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายไม้เทนนิส แบรนด์ วิลสัน (Wilson) รวมถึงแอทเซ็ทเซอรี่อื่นๆ ภายใต้แบรนด์วิลสัน พบว่ายอดขายในปี 2551 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมาก ภายใต้งบการตลาดราว 20 ล้านบาท
ล่าสุด ปีนี้ทุ่มงบ 20 ล้านบาท ในการทำตลาดไม้เทนนิสแบรนด์ วิลสัน ไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้สนับสนุนด้านกีฬา นำสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพิ่มช่องทางจำหน่ายจากเดิมที่มีวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดทั้งหมด อีกทั้งปีนี้ได้มีการเจรจาที่จะเข้านำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในกลุ่มค้าปลีกด้วย คาดว่า ในช่วงไตรมาส 2 จะเริ่มดำเนินการได้ โดยสินค้าที่วางขายในค้าปลีกมีราคาไม่เกิน 1,000 บาท ขณะที่ในโมเดิร์นเทรดจะเป็นสินค้าที่มีราคาสูง มีระดับราคาตั้งแต่พันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นบาท
ปัจจุบันตลาดไม้เทนนิส มีมูลค่ารวมประมาณ 495 ล้านบาท วิลสัน เป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 35% สิ้นปีนี้ ภาพรวมตลาดจะมีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 520 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 5% โดยวิลสันจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำ ด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอีก 30%
นายชูเกียรติ โตกมลธรรม ผู้จัดการแผนก บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอุปกรณ์กีฬาปีนี้ เชื่อว่าน่าจะยังมีการเติบโตได้อีก 5-10% เนื่องจากมองว่า เป็นกลุ่มสินค้าที่ไม่น่าจะได้รับกระทบจากเศรษฐกิจ เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับสุขภาพ และการออกกำลังกาย โดยเฉพาะกลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่
สำหรับกลุ่มอุปกรณ์กีฬาที่ทางดีทแฮล์มดูแลและจัดจำหน่าย 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มอุปกรณ์กีฬาเทนนิส, แบดมินตัน และสควอช และกลุ่มอุปกรณ์กีฬากอล์ฟ ซึ่งในภาพรวมตลาดกอล์ฟ ถือว่า มีมูลค่าใหญ่กว่ากลุ่มไม้แร็กเก็ต แต่สำหรับดีทแฮล์มแล้ว ยอดขายจากกลุ่มไม้แร็กเก็ตอยู่ที่ 70% ส่วนอุปกรณ์กอล์ฟมีเพียง 30% ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ยอดขายจากทั้ง 2 กลุ่มนี้ ยังเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ แต่เพียงแค่ 2 เดือน ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าภาพรวมธุรกิจอุปกรณ์กีฬาจะมีทิศทางไปในทางใด
ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มไม้แร็กเก็ต ปีก่อนบริษัทได้เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายไม้เทนนิส แบรนด์ วิลสัน (Wilson) รวมถึงแอทเซ็ทเซอรี่อื่นๆ ภายใต้แบรนด์วิลสัน พบว่ายอดขายในปี 2551 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมาก ภายใต้งบการตลาดราว 20 ล้านบาท
ล่าสุด ปีนี้ทุ่มงบ 20 ล้านบาท ในการทำตลาดไม้เทนนิสแบรนด์ วิลสัน ไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้สนับสนุนด้านกีฬา นำสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพิ่มช่องทางจำหน่ายจากเดิมที่มีวางจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดทั้งหมด อีกทั้งปีนี้ได้มีการเจรจาที่จะเข้านำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในกลุ่มค้าปลีกด้วย คาดว่า ในช่วงไตรมาส 2 จะเริ่มดำเนินการได้ โดยสินค้าที่วางขายในค้าปลีกมีราคาไม่เกิน 1,000 บาท ขณะที่ในโมเดิร์นเทรดจะเป็นสินค้าที่มีราคาสูง มีระดับราคาตั้งแต่พันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นบาท
ปัจจุบันตลาดไม้เทนนิส มีมูลค่ารวมประมาณ 495 ล้านบาท วิลสัน เป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 35% สิ้นปีนี้ ภาพรวมตลาดจะมีมูลค่าสูงขึ้นเป็น 520 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 5% โดยวิลสันจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำ ด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอีก 30%