ห้างซ็นทรัลตีกรอบอีก 5 ปี ผุดสาขาใหม่ไม่เกิน 2 สาขา พร้อมติดปีกลุยตลาดต่างประเทศ ประเดิมที่จีน คาดกลางปีหน้าเปิดสาขาแรก แต่ยืนยันลงทุนในไทยต่อเนื่องทั้งรีโนเวต และการตลาด หยุดไม่ได้ ปีนี้ ทุ่ม 1,100 ล้านบาท รีโนเวตใหญ่ลาดพร้าว กับปิ่นเกล้า มั่นใจปีนี้เติบโต 13% ทะลุ 29,500 ล้านบาท
นางยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 5 ปีจากนี้บริษัทมองว่าจะขยายสาขาห้างเซ็นทรัลใหม่อีกอย่างน้อย 2 แห่งเท่านั้น คือ สาขาที่พระรามสี่และสาขาที่สถานทูตอังกฤษเดิม เนื่องจากที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้โดยเฉพาะในกรุงเทพฯสามารถให้บริการครอบคลุมเพียงพอแล้ว ซึ่งหากรวมทั้งหมดมีประมาณ 15 สาขา (รวมเซนด้วย)
โดยบริษัทจะมุ่งการขยายธุรกิจต่างประเทศมากขึ้น ให้ความสำคัญกับตลาดประเทศจีนที่จะไปควบคู่กับกลุ่มซีอาร์ซีและกลุ่มซีพีเอ็น ซึ่งคาดว่าห้างเซ็นทรัลสาขาแรกจะเปิดที่หางโจวเดือนมีนาคมปีหน้า จากเดิมจะเปิดปลายปีนี้ ส่วนสาขาที่สองอยู่ระหว่างศึกษาที่ เสิ่นหยาง
“ถึงเวลาแล้วที่เราจะไปลุยต่างประเทศมากขึ้น แต่ธุรกิจในไทยเราก็ยังเดินหน้าต่อ โดยเฉพาะการปรับปรุงสาขาเก่า เพื่อให้การบริการที่ดีขึ้นและเพิ่มศักยภาพในการเติบโตให้มากขึ้นด้วย ไม่ใช่พึ่งการเติบโตจากสาขาใหม่เท่านั้น แต่เราจะไม่ลงทุนแบบรวดเร็วเกินไป”
สำหรับสาขาที่สถานฑูตอังกฤษเดิมนั้นอยู่ระหว่างการออกแบบโดยบริษัท ฟิวเจอร์ซิสเต็ม จำกัด จากอังกฤษ จะมีโรงแรมและศูนย์การค้าและห้างด้วย เป็นไฮไรซ์ คาดว่าจะเสร็จประมาณปี 2013 ส่วนสาขาที่พระรามสี่บริเวณสวนลุมไนท์บาซาร์นั้นต้องขึ้นอยู่กับทางเจ้าของที่ดินและทางซีพีเอ็นที่เป็นผู้รับผิดชอบ
นางยุวดี กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ คาดว่า ครึ่งปีแรกยังคงลำบาก แต่อาจจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเพราะมาตรการต่างๆที่ภาครัฐนำออกมาใช้จะเริ่มเห็นผล ซึ่งในส่วนของเซ็นทรัลเองก็ต้องพึ่งตัวเองมากขึ้น การบริหารการจัดการด้านค่าใช้จ่ายและงบประมาณเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราต้องทำให้แน่ใจ เพราะเราเองก็ต้องสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ถ้าไม่เติบโตก็ไม่ได้
สำหรับการลงทุนปีนี้จะไม่มีการเปิดสาขาใหม่ เพราะเพิ่งเปิดไปเองปลายปีที่แล้วที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยาบีช แต่จะมีการรีโนเวตสาขาเดิมด้วยงบประมาณ 1,100 ล้านบาท แบ่งเป็น สาขาลาดพร้าวใช้งบ 800 ล้านบาท สาขาปิ่นเกล้า ใช้งบ 300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยปรับปรุงตั้งแต่ปลายปีนี้ ซึ่งงบลงทุนทั้งหมดนั้นเป็นกระแสเงินสดภายในบริษัทฯเอง ขณะที่งบการตลาดรวมปีนี้ตั้งไว้ที่ 1,500 ล้านบาท ทั้งการส่งเสริมการขาย การสร้างแบรนด์ โปรโมชัน อีเวนต์ และซีอาร์เอ็ม โดยเฉพาะกับกลุ่มเดอะวันการ์ดที่มีมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งมี 80% ที่ใช้จ่ายสม่ำเสมอ
นางยุวดี กล่าวว่า ยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้เทียบกับปีที่แล้วเติบโต 5% โดยเดือนมกราคมเติบโต 8% ส่วนเดือนกุมภาพันธ์เติบโต 3.5% อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดว่าจะสามารถทำรายได้รวมที่ 29,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 12-13% เนื่องจากการรุกตลาดเต็มที่และสาขาที่แจ้งวัฒนะกับพัทยาจะเปิดครบเต็มปีด้วย ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้คาดว่ายอดขายรวม 7,200 ล้านบาทเติบโต 7% โดยใช้งบตลาด 350 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการโดยรวมปีที่แล้วมีรายได้รวมประมาณ 26,500 ล้านบาท เติบโตประมาณ 5% ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 8% โดยแยกเป็นไตรมาสแรกเติบโต 12% ไตรมาสที่สองโต 5% ไตรมาสที่สามทรงตัว ไตรมาสที่สี่เติบโต 3%
นอกจากนั้น ปีที่แล้วยังสามารถช่วยลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกได้แล้ว 13.48% เหลือเพียง 13.8 ล้านใบต่อปี จากเดิม 16 ล้านใบ และยังคงเป้าหมายเดิมที่จะลดการใช้ถุง 25% จากเดิม 16 ล้านใบ เหลือ 12 ล้านใบ ในปี 2553
นางยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 5 ปีจากนี้บริษัทมองว่าจะขยายสาขาห้างเซ็นทรัลใหม่อีกอย่างน้อย 2 แห่งเท่านั้น คือ สาขาที่พระรามสี่และสาขาที่สถานทูตอังกฤษเดิม เนื่องจากที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้โดยเฉพาะในกรุงเทพฯสามารถให้บริการครอบคลุมเพียงพอแล้ว ซึ่งหากรวมทั้งหมดมีประมาณ 15 สาขา (รวมเซนด้วย)
โดยบริษัทจะมุ่งการขยายธุรกิจต่างประเทศมากขึ้น ให้ความสำคัญกับตลาดประเทศจีนที่จะไปควบคู่กับกลุ่มซีอาร์ซีและกลุ่มซีพีเอ็น ซึ่งคาดว่าห้างเซ็นทรัลสาขาแรกจะเปิดที่หางโจวเดือนมีนาคมปีหน้า จากเดิมจะเปิดปลายปีนี้ ส่วนสาขาที่สองอยู่ระหว่างศึกษาที่ เสิ่นหยาง
“ถึงเวลาแล้วที่เราจะไปลุยต่างประเทศมากขึ้น แต่ธุรกิจในไทยเราก็ยังเดินหน้าต่อ โดยเฉพาะการปรับปรุงสาขาเก่า เพื่อให้การบริการที่ดีขึ้นและเพิ่มศักยภาพในการเติบโตให้มากขึ้นด้วย ไม่ใช่พึ่งการเติบโตจากสาขาใหม่เท่านั้น แต่เราจะไม่ลงทุนแบบรวดเร็วเกินไป”
สำหรับสาขาที่สถานฑูตอังกฤษเดิมนั้นอยู่ระหว่างการออกแบบโดยบริษัท ฟิวเจอร์ซิสเต็ม จำกัด จากอังกฤษ จะมีโรงแรมและศูนย์การค้าและห้างด้วย เป็นไฮไรซ์ คาดว่าจะเสร็จประมาณปี 2013 ส่วนสาขาที่พระรามสี่บริเวณสวนลุมไนท์บาซาร์นั้นต้องขึ้นอยู่กับทางเจ้าของที่ดินและทางซีพีเอ็นที่เป็นผู้รับผิดชอบ
นางยุวดี กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ คาดว่า ครึ่งปีแรกยังคงลำบาก แต่อาจจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเพราะมาตรการต่างๆที่ภาครัฐนำออกมาใช้จะเริ่มเห็นผล ซึ่งในส่วนของเซ็นทรัลเองก็ต้องพึ่งตัวเองมากขึ้น การบริหารการจัดการด้านค่าใช้จ่ายและงบประมาณเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราต้องทำให้แน่ใจ เพราะเราเองก็ต้องสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ ถ้าไม่เติบโตก็ไม่ได้
สำหรับการลงทุนปีนี้จะไม่มีการเปิดสาขาใหม่ เพราะเพิ่งเปิดไปเองปลายปีที่แล้วที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยาบีช แต่จะมีการรีโนเวตสาขาเดิมด้วยงบประมาณ 1,100 ล้านบาท แบ่งเป็น สาขาลาดพร้าวใช้งบ 800 ล้านบาท สาขาปิ่นเกล้า ใช้งบ 300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยปรับปรุงตั้งแต่ปลายปีนี้ ซึ่งงบลงทุนทั้งหมดนั้นเป็นกระแสเงินสดภายในบริษัทฯเอง ขณะที่งบการตลาดรวมปีนี้ตั้งไว้ที่ 1,500 ล้านบาท ทั้งการส่งเสริมการขาย การสร้างแบรนด์ โปรโมชัน อีเวนต์ และซีอาร์เอ็ม โดยเฉพาะกับกลุ่มเดอะวันการ์ดที่มีมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งมี 80% ที่ใช้จ่ายสม่ำเสมอ
นางยุวดี กล่าวว่า ยอดขายในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้เทียบกับปีที่แล้วเติบโต 5% โดยเดือนมกราคมเติบโต 8% ส่วนเดือนกุมภาพันธ์เติบโต 3.5% อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดว่าจะสามารถทำรายได้รวมที่ 29,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 12-13% เนื่องจากการรุกตลาดเต็มที่และสาขาที่แจ้งวัฒนะกับพัทยาจะเปิดครบเต็มปีด้วย ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้คาดว่ายอดขายรวม 7,200 ล้านบาทเติบโต 7% โดยใช้งบตลาด 350 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการโดยรวมปีที่แล้วมีรายได้รวมประมาณ 26,500 ล้านบาท เติบโตประมาณ 5% ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 8% โดยแยกเป็นไตรมาสแรกเติบโต 12% ไตรมาสที่สองโต 5% ไตรมาสที่สามทรงตัว ไตรมาสที่สี่เติบโต 3%
นอกจากนั้น ปีที่แล้วยังสามารถช่วยลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกได้แล้ว 13.48% เหลือเพียง 13.8 ล้านใบต่อปี จากเดิม 16 ล้านใบ และยังคงเป้าหมายเดิมที่จะลดการใช้ถุง 25% จากเดิม 16 ล้านใบ เหลือ 12 ล้านใบ ในปี 2553
