เศรษฐกิจซึมกระทบ “จิมโบรี” พลิกแผนกู้สถานการณ์ รุกแฟรนไชส์ขยายฐานภูธร ลดไซส์-เพิ่มโปรแกรม เข็นผลประกอบการสิ้นปีโต 15% มูลค่าที่ 50 ล้านบาท
นายบดี ศิริไพโรจน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เพลย์ แอนด์ มิวสิค จำกัด ผู้บริหาร ศูนย์กิจกรรมเสริมพัฒนาเด็กเล็ก “จิมโบรี” กล่าวว่า สถานการณ์ของธุรกิจศูนย์กิจกรรมเสริมพัฒนาเด็กเล็กในไทยมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง ทั้งเกิดจาการที่สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี และการแข่งขันจากผู้ประกอบการจำนวนมาก และยังมีรายใหม่เข้าตลาดต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่นำเรื่องราคามาใช้เป็นกลยุทธ์ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของธุรกิจนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต เพราะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านการพัฒนาคน
สำหรับตลาดรวมของศูนย์กิจกรรมเสริมพัฒนาเด็กเล็กในไทยมีมูลค่ารวมมากกว่า 180 ล้านบาท มีรายหลักๆ เช่น จิมโบรี ซึ่งเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 30% นอกนั้นก็มี ทัมเบิลท็อต ลิตเติ้ลยิม เบบี้จีเนียส คิดโด เป็นต้น ซึ่งคาดว่าตลาดรวมปีนี้จะเติบโตมากกว่า 10%
แผนการตลาดปีนี้ของจิมโบรีมีการปรับเปลี่ยนพอสมควรเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ โดยเปิดตัวแฟรนไชส์รูปแบบใหม่เพื่อเป็นทางเลือกและลงทุนง่ายขึ้น จากปัจจุบันมีรูปแบบเดียวคือ 1.เต็มรูปแบบ มี 3 โปรแกรม มิวสิค อาร์ต เพลย์แอนด์เลิร์น ลงทุน 4.5-6 ล้านบาท พื้นที่ 230-290 ตารางเมตร 2.จิมโบรีเมโทร เป็นรูปแบบใหม่ที่ย่อส่วนลงมา ลงทุน 3.5-4 ล้านบาท พื้นที่ 190-240 ตารางเมตร มีโปรแกรมเดียว คือ เพลย์แอนด์เลิร์นเท่านั้น 3.จิมโบรี เอ็มเอ รุปแบบใหม่ที่มีเฉพาะโปรแกรมมิวสิคและอาร์ต ลงทุน 1-1.5 ล้านบาท พื้นที่ 105-150 ตารางเมตร
ทั้งนี้ การปรับรูปแบบการลงทุนเป็น 3 แบบนี้ เพื่อให้สามารถง่ายต่อการลงทุนในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีและเป็นกลยุทธ์ในการรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย นอกจากนั้น ยังจะมีการเพิ่มโปรแกรมใหม่อีก คือ กีฬา ซึ่งจิมโบรีในต่างประเทศเริ่มมีแล้ว
บริษัทตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะสามารถเปิดแฟรนไชส์ได้ประมาณ 5 แห่ง ซึ่งจะเป็นต่างจังหวัดทั้งหมด มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ เนื่องจากว่าได้ปรับกลยุทธ์เงื่อนไขแฟรนไชส์ใหม่ หลังจากที่ช่วง 2 ปีหลังมานี้ไม่มีการเปิดสาขาใหม่เลยและปีหน้ายังคงตั้งเป้าหมายการขายแฟรนไชส์ไว้ที่ 5 รายเช่นกัน จากปัจจุบันที่มีเปิดบริการแล้ว 10 สาขา เป็นของบริษัทฯสาขาเดียวที่สำนักงานใหญ่ คือสุขุมวิท 43 ส่วนที่เหลืออีก 9 สาขาเป็นแฟรนไชส์ทั้งหมดคือ เซ็นทรัลบางนา รัชโยธิน เซ็นทรัลพระรามสาม รังสิต บิ๊กซีเพชรเกษม เซ็นทรัลปิ่นเกล้า รามคำแหง เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เซ็นทรัลชิดลม
โดยกลุ่มเป้าหมายของผู้ที่จะซื้อแฟรนไชส์น้น บริษัทมุ่งเน้นไปที่แม่บ้านที่ต้องการมีธุรกิจของตัวเอง เพราะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับเด็ก ดังนั้น จึงต้องการผู้ที่เอาใจใส่และมีความเป็นผู้ปกครองมากกว่าผู้ที่เป็นนักธุรกิจอย่างเดียว ส่วนกลุ่มเป้าหมายลูกค้านั้นจะเน้นทั้งกลุ่มคนไทยและกลุ่มคนต่างประเทศที่ระดับบีบวกที่ไม่มีเวลาดูลูก และต้องการฝึกพัฒนาเด็ก ซึ่งรับเด็กตั้งแต่อายุ 7 เดือน – 5 ขวบ ซึ่งที่ผ่านมามีกลุ่มลูกค้าต่างประเทศประมาณ 30% ในบางสาขาที่มีชาวต่างชาติอยู่มาก
ส่วนค่าบริการนั้นจะมีหลายระดับหลายคอร์สแตกต่างกันไปแล้วแต่กรณี โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 บาทต่อเดือน เวลาเรียนหรือรับบริการสัปดาห์ละ 1 วัน หรือเดือนละ 4 ครั้ง ครั้งละ 45 นาที หรือจะเป็นแบบแพกเกจที่เตรียมไว้คือ 12-96 ครั้ง ตามแต่ละโมเดล
สำหรับการปรับแผนรุกในปีนี้ ทำให้คาดว่าจิมโบรีจะมีการเติบโตในปีนี้ประมาณ 15% จากเฉลี่ยจะเติบโต 5% ต่อปี ซึ่งปีที่แล้วเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทยังมีการเติบโตมากถึง 15% หรือมีรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท
นายบดี ศิริไพโรจน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เพลย์ แอนด์ มิวสิค จำกัด ผู้บริหาร ศูนย์กิจกรรมเสริมพัฒนาเด็กเล็ก “จิมโบรี” กล่าวว่า สถานการณ์ของธุรกิจศูนย์กิจกรรมเสริมพัฒนาเด็กเล็กในไทยมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง ทั้งเกิดจาการที่สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี และการแข่งขันจากผู้ประกอบการจำนวนมาก และยังมีรายใหม่เข้าตลาดต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่นำเรื่องราคามาใช้เป็นกลยุทธ์ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของธุรกิจนี้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต เพราะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านการพัฒนาคน
สำหรับตลาดรวมของศูนย์กิจกรรมเสริมพัฒนาเด็กเล็กในไทยมีมูลค่ารวมมากกว่า 180 ล้านบาท มีรายหลักๆ เช่น จิมโบรี ซึ่งเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 30% นอกนั้นก็มี ทัมเบิลท็อต ลิตเติ้ลยิม เบบี้จีเนียส คิดโด เป็นต้น ซึ่งคาดว่าตลาดรวมปีนี้จะเติบโตมากกว่า 10%
แผนการตลาดปีนี้ของจิมโบรีมีการปรับเปลี่ยนพอสมควรเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ โดยเปิดตัวแฟรนไชส์รูปแบบใหม่เพื่อเป็นทางเลือกและลงทุนง่ายขึ้น จากปัจจุบันมีรูปแบบเดียวคือ 1.เต็มรูปแบบ มี 3 โปรแกรม มิวสิค อาร์ต เพลย์แอนด์เลิร์น ลงทุน 4.5-6 ล้านบาท พื้นที่ 230-290 ตารางเมตร 2.จิมโบรีเมโทร เป็นรูปแบบใหม่ที่ย่อส่วนลงมา ลงทุน 3.5-4 ล้านบาท พื้นที่ 190-240 ตารางเมตร มีโปรแกรมเดียว คือ เพลย์แอนด์เลิร์นเท่านั้น 3.จิมโบรี เอ็มเอ รุปแบบใหม่ที่มีเฉพาะโปรแกรมมิวสิคและอาร์ต ลงทุน 1-1.5 ล้านบาท พื้นที่ 105-150 ตารางเมตร
ทั้งนี้ การปรับรูปแบบการลงทุนเป็น 3 แบบนี้ เพื่อให้สามารถง่ายต่อการลงทุนในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีและเป็นกลยุทธ์ในการรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย นอกจากนั้น ยังจะมีการเพิ่มโปรแกรมใหม่อีก คือ กีฬา ซึ่งจิมโบรีในต่างประเทศเริ่มมีแล้ว
บริษัทตั้งเป้าหมายว่าปีนี้จะสามารถเปิดแฟรนไชส์ได้ประมาณ 5 แห่ง ซึ่งจะเป็นต่างจังหวัดทั้งหมด มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ เนื่องจากว่าได้ปรับกลยุทธ์เงื่อนไขแฟรนไชส์ใหม่ หลังจากที่ช่วง 2 ปีหลังมานี้ไม่มีการเปิดสาขาใหม่เลยและปีหน้ายังคงตั้งเป้าหมายการขายแฟรนไชส์ไว้ที่ 5 รายเช่นกัน จากปัจจุบันที่มีเปิดบริการแล้ว 10 สาขา เป็นของบริษัทฯสาขาเดียวที่สำนักงานใหญ่ คือสุขุมวิท 43 ส่วนที่เหลืออีก 9 สาขาเป็นแฟรนไชส์ทั้งหมดคือ เซ็นทรัลบางนา รัชโยธิน เซ็นทรัลพระรามสาม รังสิต บิ๊กซีเพชรเกษม เซ็นทรัลปิ่นเกล้า รามคำแหง เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เซ็นทรัลชิดลม
โดยกลุ่มเป้าหมายของผู้ที่จะซื้อแฟรนไชส์น้น บริษัทมุ่งเน้นไปที่แม่บ้านที่ต้องการมีธุรกิจของตัวเอง เพราะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับเด็ก ดังนั้น จึงต้องการผู้ที่เอาใจใส่และมีความเป็นผู้ปกครองมากกว่าผู้ที่เป็นนักธุรกิจอย่างเดียว ส่วนกลุ่มเป้าหมายลูกค้านั้นจะเน้นทั้งกลุ่มคนไทยและกลุ่มคนต่างประเทศที่ระดับบีบวกที่ไม่มีเวลาดูลูก และต้องการฝึกพัฒนาเด็ก ซึ่งรับเด็กตั้งแต่อายุ 7 เดือน – 5 ขวบ ซึ่งที่ผ่านมามีกลุ่มลูกค้าต่างประเทศประมาณ 30% ในบางสาขาที่มีชาวต่างชาติอยู่มาก
ส่วนค่าบริการนั้นจะมีหลายระดับหลายคอร์สแตกต่างกันไปแล้วแต่กรณี โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 บาทต่อเดือน เวลาเรียนหรือรับบริการสัปดาห์ละ 1 วัน หรือเดือนละ 4 ครั้ง ครั้งละ 45 นาที หรือจะเป็นแบบแพกเกจที่เตรียมไว้คือ 12-96 ครั้ง ตามแต่ละโมเดล
สำหรับการปรับแผนรุกในปีนี้ ทำให้คาดว่าจิมโบรีจะมีการเติบโตในปีนี้ประมาณ 15% จากเฉลี่ยจะเติบโต 5% ต่อปี ซึ่งปีที่แล้วเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทยังมีการเติบโตมากถึง 15% หรือมีรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท