คาร์ฟูร์เดินแผนขยาย 12 สาขา ไม่หวั่นพิษเศรษฐกิจ งัดกลยุทธ์ระเบิดแคมเปญถี่เอาใจลูกค้าไอริช พร้อมดูดเพิ่มลูกค้าใหม่ ล่าสุด ฉลอง 13 ปี ผุดแคมเปญ “คาร์ฟูร์ 13 ปีแห่งความสุข” มั่นใจยอดขายขยับพุ่งอย่างน้อย 12% เท่าปีก่อน
นางสาวประภาพรรณ พลอยแสงงาม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจค้าปลีก ห้างคาร์ฟูร์ เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้จะไม่แน่นอน หลายๆประเทศเริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก กำลังซื้อในประเทศเริ่มไม่มั่นใจ ลดการใช้จ่ายลง ทั้งที่ยังมีกำลังซื้ออยู่ แต่สำหรับคาร์ฟูร์ในแง่ของการขยายสาขา ยังเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องที่ 12 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเท่าๆ กัน โดยในครึ่งปีแรกนี้ คาดว่า จะเปิดได้ 6 สาขา
“การขยายสาขานี้ มองว่า จะเป็นการช่วยให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน หากรายใหญ่ในตลาดค้าปลีกชะลอการขยายสาขา แต่เราทำได้มากกว่า ถือว่าเราค่อนข้างประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจในปีนี้ เพราะในความเป็นจริง เราเป็นรายเล็กในตลาด จึงไม่เน้นการแข่งขัน แต่จะเน้นเรื่องของบริการ และการมีสินค้าที่มีคุณภาพ นำเสนอแก่ผู้บริโภคมากที่สุด”
อย่างไรก็ตาม ในแง่การทำตลาด ปีนี้จะใช้งบประมาณทางการตลาดเท่าๆ ปีก่อน โดยเน้นแคมเปญกระตุ้นการจับจ่าย ซึ่งมีจำนวนครั้งใกล้เคียงกับปีก่อน ล่าสุด ปีนี้คาร์ฟูร์ฉลอง 13 ปี จึงจัดแคมเปญ “คาร์ฟูร์ 13 ปีแห่งความสุข” ขึ้น ระหว่างวันที่ 27 ก.พ.-26 มี.ค.นี้ กับการซื้อสินค้าตั้งแต่ 600 บาท ขึ้นไป จะได้รับคูปองส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป มูลค่าส่วนลดตั้งแต่ 5%, 10%, 20%, 50% และ 100% รวมถึงมีสินค้าราคาพิเศษมาจำหน่ายหมุนเวียนตลอดแคมเปญ ส่วนกรณีเช็คช่วยชาติ มองว่า จะมุ่งเน้นเพิ่มแวลูให้มากกว่ามูลค่าเช็ค 2,000 บาท แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าแคมเปญจะออกมาในลักษณะใด
จะเห็นว่า บริษัทจะมุ่งรักษาฐานลูกค้าเดิมเป็นหลัก กับกลุ่มลูกค้าสมาชิกบัตรคาร์ฟูร์ ไอริช ซึ่งมีกว่า 1.3 ล้านคน คาดว่า หลังจบแคมเปญจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านคน ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของสมาชิกไอริช อยู่ที่ 750 บาทต่อครั้ง เป็นยอดที่คงที่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 ที่ผ่านมา ส่วนลูกค้าทั่วไปจะอยู่ที่ 630 บาทต่อครั้ง นอกจากนี้ คาร์ฟูร์ยังมีสมาชิกบัตรเครดิต และ เดบิต คาร์ฟูร์-กสิกรไทย อยู่ 7 หมื่นราย สิ้นปีน่าจะขยับเพิ่มเป็น 1 แสนราย
พฤติกรรมลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าประเภทอาหารเป็นหลัก แต่ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และเสื้อผ้า พบว่า มียอดขายลดลง ดังนั้น ปีนี้จะเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก จึงได้จัดโครงการ Evaeryday Low Price กับการเลือกสินค้าที่สำรวจพบว่าลูกค้าจะซื้อเป็นประจำ จำนวน 29 รายการ ครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสด และแบรนด์คาร์ฟูร์ มาจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด 30% ซึ่งราคาดังกล่าวจะจำหน่ายในราคานี้ไปตลอด โดยจะมีการปรับเปลี่ยนสินค้าบ้างตามแต่ละช่วงเวลา
นอกจากนี้ สินค้าแบรนด์คาร์ฟูร์ หลังจากเริ่มทำมาตั้งแต่ปลายปีก่อน ขณะนี้มีอยู่ 40,000 รายการ พบว่า ลูกค้าเลือกซื้อมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายถึง 11% เทียบกับยอดขายทั้งหมด เนื่องจากลูกค้ามั่นใจในคุณภาพที่เทียบเท่าแบรนด์สินค้าประเภทเดียวกันในตลาด
นางสาวประภาพรรณ พลอยแสงงาม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจค้าปลีก ห้างคาร์ฟูร์ เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้จะไม่แน่นอน หลายๆประเทศเริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก กำลังซื้อในประเทศเริ่มไม่มั่นใจ ลดการใช้จ่ายลง ทั้งที่ยังมีกำลังซื้ออยู่ แต่สำหรับคาร์ฟูร์ในแง่ของการขยายสาขา ยังเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องที่ 12 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเท่าๆ กัน โดยในครึ่งปีแรกนี้ คาดว่า จะเปิดได้ 6 สาขา
“การขยายสาขานี้ มองว่า จะเป็นการช่วยให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน หากรายใหญ่ในตลาดค้าปลีกชะลอการขยายสาขา แต่เราทำได้มากกว่า ถือว่าเราค่อนข้างประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจในปีนี้ เพราะในความเป็นจริง เราเป็นรายเล็กในตลาด จึงไม่เน้นการแข่งขัน แต่จะเน้นเรื่องของบริการ และการมีสินค้าที่มีคุณภาพ นำเสนอแก่ผู้บริโภคมากที่สุด”
อย่างไรก็ตาม ในแง่การทำตลาด ปีนี้จะใช้งบประมาณทางการตลาดเท่าๆ ปีก่อน โดยเน้นแคมเปญกระตุ้นการจับจ่าย ซึ่งมีจำนวนครั้งใกล้เคียงกับปีก่อน ล่าสุด ปีนี้คาร์ฟูร์ฉลอง 13 ปี จึงจัดแคมเปญ “คาร์ฟูร์ 13 ปีแห่งความสุข” ขึ้น ระหว่างวันที่ 27 ก.พ.-26 มี.ค.นี้ กับการซื้อสินค้าตั้งแต่ 600 บาท ขึ้นไป จะได้รับคูปองส่วนลดในการซื้อครั้งต่อไป มูลค่าส่วนลดตั้งแต่ 5%, 10%, 20%, 50% และ 100% รวมถึงมีสินค้าราคาพิเศษมาจำหน่ายหมุนเวียนตลอดแคมเปญ ส่วนกรณีเช็คช่วยชาติ มองว่า จะมุ่งเน้นเพิ่มแวลูให้มากกว่ามูลค่าเช็ค 2,000 บาท แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าแคมเปญจะออกมาในลักษณะใด
จะเห็นว่า บริษัทจะมุ่งรักษาฐานลูกค้าเดิมเป็นหลัก กับกลุ่มลูกค้าสมาชิกบัตรคาร์ฟูร์ ไอริช ซึ่งมีกว่า 1.3 ล้านคน คาดว่า หลังจบแคมเปญจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านคน ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของสมาชิกไอริช อยู่ที่ 750 บาทต่อครั้ง เป็นยอดที่คงที่ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 ที่ผ่านมา ส่วนลูกค้าทั่วไปจะอยู่ที่ 630 บาทต่อครั้ง นอกจากนี้ คาร์ฟูร์ยังมีสมาชิกบัตรเครดิต และ เดบิต คาร์ฟูร์-กสิกรไทย อยู่ 7 หมื่นราย สิ้นปีน่าจะขยับเพิ่มเป็น 1 แสนราย
พฤติกรรมลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าประเภทอาหารเป็นหลัก แต่ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า และเสื้อผ้า พบว่า มียอดขายลดลง ดังนั้น ปีนี้จะเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก จึงได้จัดโครงการ Evaeryday Low Price กับการเลือกสินค้าที่สำรวจพบว่าลูกค้าจะซื้อเป็นประจำ จำนวน 29 รายการ ครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสด และแบรนด์คาร์ฟูร์ มาจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด 30% ซึ่งราคาดังกล่าวจะจำหน่ายในราคานี้ไปตลอด โดยจะมีการปรับเปลี่ยนสินค้าบ้างตามแต่ละช่วงเวลา
นอกจากนี้ สินค้าแบรนด์คาร์ฟูร์ หลังจากเริ่มทำมาตั้งแต่ปลายปีก่อน ขณะนี้มีอยู่ 40,000 รายการ พบว่า ลูกค้าเลือกซื้อมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายถึง 11% เทียบกับยอดขายทั้งหมด เนื่องจากลูกค้ามั่นใจในคุณภาพที่เทียบเท่าแบรนด์สินค้าประเภทเดียวกันในตลาด