คาร์ฟูร์ ปรับตัว บัตรไอวิช เร่งวางแคมเปญใหญ่ทุกเดือน พร้อมกำหนดรูปแบบให้ทันสถานการณ์ รับศึกบัตรสะสมแต้มของคู่แข่งที่มาแรง ล่าสุดปล่อยโปรโมชั่นเด็ดลดสูงสุด 100% ดึงลูกค้าจับจ่ายหวังเพิ่มยอดบิล พร้อมลุยเปิดต่ออีก 2 สาขาในปีนี้
นางสาวประภาพรรณ พลอยแสงงาม ผู้อำนวยการฝ่ายคัดเลือกสินค้า บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้บริหาร คาร์ฟูร์ในไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาพบว่า การแข่งขันของกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตมีความรุนแรงในส่วนของกลยุทธ์การออกบัตรรอยัลตี้ ซึ่งพบว่าเป็นเทรนด์ใหม่ของการทำธุรกิจ อีกทั้งสร้างแบรนด์รอยัลตี้ในใจผู้บริโภคได้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ประมาณ เดือนที่แล้วเทสโก้โลตัสออกบัตรคลับการ์ด และมีผู้ถือบัตรแล้วประมาณ 2 ล้านราย ส่วนต้นเดือนนี้บิ๊กซีออกบัตรบิ๊กการ์ด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบัตรสะสมแต้มให้กับผู้ถือบัตรตามเงื่อนไข และมีการได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ขณะที่บัตรไอวิชองคาร์ฟูร์นี้เป็นบัตรสิทธิพิเศษ ไม่มีสะสมแต้ม ทำตลาดมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ผู้ถือบัตรประมาณ 1.6 ล้านราย โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านรายภายในสิ้นปีนี้
นางสาวประภาพรรณ กล่าวต่อว่า บัตรไอวิช คงจะต้องมีการปรับตัวบ้างเพื่อสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าไม่ได้เป็นบัตรสะสมแต้ม แต่เป็นบัตรส่วนลด ซึ่งคาร์ฟูร์เองจะต้องทำการตลาดมากขึ้น และต้องดูภาวะตลาดและช่วงเวลาเพื่อกำหนดแคมเปญ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบ การให้สิทธิรับส่วนลด ชิงโชค การแลกซื้อสินค้าราคาพิเศษ เป็นต้น ซึ่งจะมีแคมเปญอย่างน้อยทุกเดือน
ล่าสุด คือการจัดรายการ “โปรโมชั่น เดือนคาร์ฟูร์” เมื่อสมาชิกบัตรไอวิชซื้อสินค้าครบทุก 600 บาทตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. – 29 ต.ต. ศกนี้ รับคูปองส่วนลด 1 ใบ ตั้งแต่ 3% 10% 20% 50% และสูงสุด 100% เพื่อนำไปเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าครั้งต่อไป ขั้นต่ำ 400 บาท สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อใบเสร็จ และมีสินค้าราคาเดียว 50 บาทมาจำหน่ายเช่น หมวดเบ็ดเตล็ดหรือสินค้าซื้อ 1 แถม 1 และสินค้าลด 50%และสิทธิพิเศษอื่นอีกมาก
โดยตั้งงบการตลาดครั้งนี้ไว้ที่ 50 ล้านบาท จากงบตลาดทั้งปี 440 ล้านบาท ซึ่งเหลือใช้ใตรมาสสุดท้ายอีก 140 ล้านบาท เป้าหมายแคมเปญครั้งนี้ เพื่อต้องการเพิ่มความถี่ลูกค้าในการเข้าคาร์ฟูร์มากขึ้นจากเดิม 3-4 ครั้งต่อเดือน และเพิ่มยอดการจับจ่ายมากขึ้นจากเดิมที่สมาชิกไอวิชจับจ่าย 800-900 บาทต่อบิล ส่วนลูกค้าทั่วไป 630 บาทต่อบิล ซึ่งที่ผ่านมา จากจำนวนผู้ถือบัตรไอวิช 1.6 ล้านราย มีการใช้สม่ำเสมอหรือแอคทีพ 60%
“ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายของเราก็เป็นไปตามเป้าหมาย โดยอาหารยังคงเป็นสินค้าที่มียอดการเติบโตดีมากกว่า 65% ส่วนที่ชะลอคือเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าทั่วไป”
ด้านสินค้าเฮาส์แบรนด์ก็ยังมีการเติบโตที่ดี โดยปัจจุบันมีมากกว่า 5,000 รายการแล้ว จากเดิม 3,500 รายการ ซึ่งคาร์ฟูร์เองไม่ได้มุ่งที่จะเพิ่มสินค้าให้ได้มากรวดเร็วแต่จะเน้นคุณภาพมากกว่า โดยมีราคาต่ำกว่าแบรนด์เนม 20% ซึ่งสินค้าที่ขายดีเช่น ข้าวคาร์ฟูร์ น้ำตาล น้ำมันพืช เป็นต้น โดยมียอดขายจากเฮาส์แบรนด์ประมาณ 12% จากยอดขายรวม และมีการเติบโต 4%
นางประภาพรรณกล่าวต่อถึงแผนการลงทุนด้วยว่า จากนี้จนถึงสิ้นปีนี้ ตั้งงบลงทุนไว้ 1,500 ล้านบาท เพื่อเปิดสาขาใหม่อีก 2 สาขาคือที่ ลำลูกกา ในเดือนหน้า และปลายปีที่ต่างจังหวัดอีก 1 สาขา ซึ่งล่าสุดวันนี้ (24 ก.ย.) จะเปิดสาขาที่ 37 ที่ลพบุรี โดยต้นปีนี้ถึงขณะนี้เปิดไปแล้ว 6 แห่ง ทำให้มีสาขารวม 37 แห่งในขณะนี้
นางสาวประภาพรรณ พลอยแสงงาม ผู้อำนวยการฝ่ายคัดเลือกสินค้า บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้บริหาร คาร์ฟูร์ในไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาพบว่า การแข่งขันของกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตมีความรุนแรงในส่วนของกลยุทธ์การออกบัตรรอยัลตี้ ซึ่งพบว่าเป็นเทรนด์ใหม่ของการทำธุรกิจ อีกทั้งสร้างแบรนด์รอยัลตี้ในใจผู้บริโภคได้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ประมาณ เดือนที่แล้วเทสโก้โลตัสออกบัตรคลับการ์ด และมีผู้ถือบัตรแล้วประมาณ 2 ล้านราย ส่วนต้นเดือนนี้บิ๊กซีออกบัตรบิ๊กการ์ด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบัตรสะสมแต้มให้กับผู้ถือบัตรตามเงื่อนไข และมีการได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ขณะที่บัตรไอวิชองคาร์ฟูร์นี้เป็นบัตรสิทธิพิเศษ ไม่มีสะสมแต้ม ทำตลาดมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ผู้ถือบัตรประมาณ 1.6 ล้านราย โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านรายภายในสิ้นปีนี้
นางสาวประภาพรรณ กล่าวต่อว่า บัตรไอวิช คงจะต้องมีการปรับตัวบ้างเพื่อสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าไม่ได้เป็นบัตรสะสมแต้ม แต่เป็นบัตรส่วนลด ซึ่งคาร์ฟูร์เองจะต้องทำการตลาดมากขึ้น และต้องดูภาวะตลาดและช่วงเวลาเพื่อกำหนดแคมเปญ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบ การให้สิทธิรับส่วนลด ชิงโชค การแลกซื้อสินค้าราคาพิเศษ เป็นต้น ซึ่งจะมีแคมเปญอย่างน้อยทุกเดือน
ล่าสุด คือการจัดรายการ “โปรโมชั่น เดือนคาร์ฟูร์” เมื่อสมาชิกบัตรไอวิชซื้อสินค้าครบทุก 600 บาทตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. – 29 ต.ต. ศกนี้ รับคูปองส่วนลด 1 ใบ ตั้งแต่ 3% 10% 20% 50% และสูงสุด 100% เพื่อนำไปเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าครั้งต่อไป ขั้นต่ำ 400 บาท สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อใบเสร็จ และมีสินค้าราคาเดียว 50 บาทมาจำหน่ายเช่น หมวดเบ็ดเตล็ดหรือสินค้าซื้อ 1 แถม 1 และสินค้าลด 50%และสิทธิพิเศษอื่นอีกมาก
โดยตั้งงบการตลาดครั้งนี้ไว้ที่ 50 ล้านบาท จากงบตลาดทั้งปี 440 ล้านบาท ซึ่งเหลือใช้ใตรมาสสุดท้ายอีก 140 ล้านบาท เป้าหมายแคมเปญครั้งนี้ เพื่อต้องการเพิ่มความถี่ลูกค้าในการเข้าคาร์ฟูร์มากขึ้นจากเดิม 3-4 ครั้งต่อเดือน และเพิ่มยอดการจับจ่ายมากขึ้นจากเดิมที่สมาชิกไอวิชจับจ่าย 800-900 บาทต่อบิล ส่วนลูกค้าทั่วไป 630 บาทต่อบิล ซึ่งที่ผ่านมา จากจำนวนผู้ถือบัตรไอวิช 1.6 ล้านราย มีการใช้สม่ำเสมอหรือแอคทีพ 60%
“ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายของเราก็เป็นไปตามเป้าหมาย โดยอาหารยังคงเป็นสินค้าที่มียอดการเติบโตดีมากกว่า 65% ส่วนที่ชะลอคือเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าทั่วไป”
ด้านสินค้าเฮาส์แบรนด์ก็ยังมีการเติบโตที่ดี โดยปัจจุบันมีมากกว่า 5,000 รายการแล้ว จากเดิม 3,500 รายการ ซึ่งคาร์ฟูร์เองไม่ได้มุ่งที่จะเพิ่มสินค้าให้ได้มากรวดเร็วแต่จะเน้นคุณภาพมากกว่า โดยมีราคาต่ำกว่าแบรนด์เนม 20% ซึ่งสินค้าที่ขายดีเช่น ข้าวคาร์ฟูร์ น้ำตาล น้ำมันพืช เป็นต้น โดยมียอดขายจากเฮาส์แบรนด์ประมาณ 12% จากยอดขายรวม และมีการเติบโต 4%
นางประภาพรรณกล่าวต่อถึงแผนการลงทุนด้วยว่า จากนี้จนถึงสิ้นปีนี้ ตั้งงบลงทุนไว้ 1,500 ล้านบาท เพื่อเปิดสาขาใหม่อีก 2 สาขาคือที่ ลำลูกกา ในเดือนหน้า และปลายปีที่ต่างจังหวัดอีก 1 สาขา ซึ่งล่าสุดวันนี้ (24 ก.ย.) จะเปิดสาขาที่ 37 ที่ลพบุรี โดยต้นปีนี้ถึงขณะนี้เปิดไปแล้ว 6 แห่ง ทำให้มีสาขารวม 37 แห่งในขณะนี้