พนักงานเอกชนแห่เข้ารับฝึกอบรมเป็นผู้ประกอบการใหม่หวั่นถูกปลดแรงงานในอนาคตจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เผยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมรับเข้าอบรมปีนี้ 7 พันราย
นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า กรมฯซึ่งมีนโยบายหลักในการมุ่งส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจและผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมให้มีศักยภาพในการแข่งขันและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จะเปิดรับผู้สนใจที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง ในโครงการ”เสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่” NECโดยมีการจัดอบรมทั่วประเทศ เป้าหมายปี 2552 จะอบรมจำนวน 7,000 รายซึ่งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะมีส่วนส่งเสริมอาชีพไว้รองรับในอนาคตเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ตั้งแต่เริ่มโครงการ ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯจำนวนกว่า 74,000 ราย จบการฝึกอบรมไปแล้วกว่า 36,000 ราย เกิดเป็นผู้ประกอบการใหม่จำนวนกว่า 7,700 ราย เกิดมูลค่าการลงทุนจำนวนกว่า 16,700 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 33,000 ราย
นางศรีสุดา สำราญรมย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันพนักงานบริษัทเอกชน ข้าราชการ รวมถึงกลุ่มที่กำลังจะถูกเลิกจ้าง และกลุ่มที่เข้าโครงการออกจากงาน (เออรี่รีไทร์) จำนวนมากได้เข้ามาขอรับการฝึกอบรมเป็นผู้ประกอบการใหม่ เพื่อเตรียมหาอาชีพรองรับซึ่งส่วนใหญ่สนใจทำธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ เฟรนไชด์ เสื้อผ้า เป็นต้น โดยหลายรายพร้อมดำเนินการทันทีหากจบหลักสูตร และมีที่ทำเลดี เนื่องจากมีเงินเก็บเฉลี่ยรายละ 1-2 แสนบาท ขณะผู้ที่เข้าโครงการออกจากงานมีเงินเฉลี่ย 4-5 แสนบาท จึงไม่จำเป็นต้องขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
“พนักงานบริษัทหลายรายกลัวถูกปลดจากงานจึงจำเป็นต้องหาทางออกไว้ก่อน โดยพนักงานเอกชนจะมีความกระตืนรือร้นมากกว่ากลุ่มข้าราชการ ส่วนหนึ่งข้าราชการคงไม่วิตกเกี่ยวกับการถูกเลิกจ้างมากนัก เพราะเป็นอาชีพที่มั่นคง เบื้องต้นผู้ที่เข้าโครงการกรมส่งเสริมฯ จะไม่สนับสนุนให้กู้เงินทำธุรกิจก่อน แต่จะผลักดันให้ใช้เงินเก็บเริ่มทำจากธุรกิจเล็ก หากกิจการดีก็สามารถขยายกิจการโดยการขอสินเชื่อได้ ซึ่งกลุ่มที่เออรี่ฯ และ กำลังถูกเลิกจ้างคงไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุนมากนักเพราะจะมีเงินจำนวนก้อนหนึ่งที่นายจ้างชดเชยให้”
นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า กรมฯซึ่งมีนโยบายหลักในการมุ่งส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจและผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมให้มีศักยภาพในการแข่งขันและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน จะเปิดรับผู้สนใจที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเอง ในโครงการ”เสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่” NECโดยมีการจัดอบรมทั่วประเทศ เป้าหมายปี 2552 จะอบรมจำนวน 7,000 รายซึ่งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะมีส่วนส่งเสริมอาชีพไว้รองรับในอนาคตเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ตั้งแต่เริ่มโครงการ ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯจำนวนกว่า 74,000 ราย จบการฝึกอบรมไปแล้วกว่า 36,000 ราย เกิดเป็นผู้ประกอบการใหม่จำนวนกว่า 7,700 ราย เกิดมูลค่าการลงทุนจำนวนกว่า 16,700 ล้านบาท และเกิดการจ้างงานกว่า 33,000 ราย
นางศรีสุดา สำราญรมย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันพนักงานบริษัทเอกชน ข้าราชการ รวมถึงกลุ่มที่กำลังจะถูกเลิกจ้าง และกลุ่มที่เข้าโครงการออกจากงาน (เออรี่รีไทร์) จำนวนมากได้เข้ามาขอรับการฝึกอบรมเป็นผู้ประกอบการใหม่ เพื่อเตรียมหาอาชีพรองรับซึ่งส่วนใหญ่สนใจทำธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ เฟรนไชด์ เสื้อผ้า เป็นต้น โดยหลายรายพร้อมดำเนินการทันทีหากจบหลักสูตร และมีที่ทำเลดี เนื่องจากมีเงินเก็บเฉลี่ยรายละ 1-2 แสนบาท ขณะผู้ที่เข้าโครงการออกจากงานมีเงินเฉลี่ย 4-5 แสนบาท จึงไม่จำเป็นต้องขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
“พนักงานบริษัทหลายรายกลัวถูกปลดจากงานจึงจำเป็นต้องหาทางออกไว้ก่อน โดยพนักงานเอกชนจะมีความกระตืนรือร้นมากกว่ากลุ่มข้าราชการ ส่วนหนึ่งข้าราชการคงไม่วิตกเกี่ยวกับการถูกเลิกจ้างมากนัก เพราะเป็นอาชีพที่มั่นคง เบื้องต้นผู้ที่เข้าโครงการกรมส่งเสริมฯ จะไม่สนับสนุนให้กู้เงินทำธุรกิจก่อน แต่จะผลักดันให้ใช้เงินเก็บเริ่มทำจากธุรกิจเล็ก หากกิจการดีก็สามารถขยายกิจการโดยการขอสินเชื่อได้ ซึ่งกลุ่มที่เออรี่ฯ และ กำลังถูกเลิกจ้างคงไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุนมากนักเพราะจะมีเงินจำนวนก้อนหนึ่งที่นายจ้างชดเชยให้”