กสอ. เปิดแผนปี 52 หนุน SMEs ไทยพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ หลังระดมแนวคิดภาคเอกชน-สถาบันการศึกษา มุ่งนวัตกรรมนำสู่ปฏิบัติ (Innovation & Implementation) ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการ ด้วยกลยุทธ์เสริม 3 มาตรการขยายแนวคิด “ต้นทุนที่ลดได้ คือกำไรที่เพิ่มขึ้น” หวังกระตุ้นผู้ประกอบการเร่งวิเคราะห์ปัญหาต้นทุนที่แท้จริง วัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันตนเองที่ช่วยให้อยู่รอดอย่างยั่งยืน
นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า ในสภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจโลก และส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจไทย กสอ. ซึ่งมีพันธกิจหลักในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างโอกาสให้วิสาหกิจไทยสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“จากประสบการณ์ส่งเสริมและช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ผ่านมา ข้อเรียกร้องประการแรกที่ผู้ประกอบการต้องการได้รับความช่วยเหลือ คำตอบแรกคือ ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในยามที่กิจการประสบปัญหา แต่เมื่อที่ปรึกษาหรือนักวินิจฉัยร่วมช่วยวิเคราะห์ พบว่าปัญหาที่แท้จริง คือ เอสเอ็มอีที่ไม่รู้ปัญหาของตนเอง เมื่อไม่รู้ปัญหาจึงไม่สามารถแก้ปัญหาตนเองให้ตรงจุดได้ ไม่ใช่เงินเป็นสำคัญ” นายปราโมทย์กล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัญหาส่วนใหญ่มาจากการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสมทั้งในด้านวัตถุดิบ เวลา ข้อมูล เครื่องจักร และสินค้าคงเหลือ เมื่อสามารถจัดการกับความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นเหล่านี้ได้จะทำให้เข้าใจโครงสร้างต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งเป็นปัจจัยภายในที่เอสเอ็มอีสามารถควบคุมได้ด้วยตนเอง ทำให้เกิดความคล่องตัวและเกิดประสิทธิภาพในการทำงานส่งผลต่อศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งสามารถประคองธุรกิจให้อยู่รอดในสภาวะที่สภาพเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่เอสเอ็มอีไม่อาจควบคุมได้
“ภาวะเช่นนี้เอสเอ็มอีต้องหันมาสำรวจและวิเคราะห์จากปัจจัยภายใน เพื่อช่วยเหลือกิจการตนเองให้ได้มากที่สุด โดยเริ่มจากความเข้าใจในโครงสร้างต้นทุนของธุรกิจตนเอง ที่ผ่านมาในหลายธุรกิจที่เคยต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายทางเศรษฐกิจในช่วงปี 2540 และสามารถพลิกสถานการณ์ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนในเวลาต่อมาได้ โดยที่ยังสามารถรักษาบุคลากรไว้ได้เต็มอัตรา บางรายแม้ยอดขายจะลดลงแต่กำไรเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเหล่านี้เกิดขึ้นจริงภายใต้การสนับสนุนของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมซึ่งร่วมมือกับภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ในการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นระบบ มีการเติบโตอย่างมั่นคง และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนในที่สุด” อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกล่าว
นายปราโมทย์ วิทยาสุข อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า ในสภาวะวิกฤตของเศรษฐกิจโลก และส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจไทย กสอ. ซึ่งมีพันธกิจหลักในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างโอกาสให้วิสาหกิจไทยสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“จากประสบการณ์ส่งเสริมและช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ผ่านมา ข้อเรียกร้องประการแรกที่ผู้ประกอบการต้องการได้รับความช่วยเหลือ คำตอบแรกคือ ความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในยามที่กิจการประสบปัญหา แต่เมื่อที่ปรึกษาหรือนักวินิจฉัยร่วมช่วยวิเคราะห์ พบว่าปัญหาที่แท้จริง คือ เอสเอ็มอีที่ไม่รู้ปัญหาของตนเอง เมื่อไม่รู้ปัญหาจึงไม่สามารถแก้ปัญหาตนเองให้ตรงจุดได้ ไม่ใช่เงินเป็นสำคัญ” นายปราโมทย์กล่าว
อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัญหาส่วนใหญ่มาจากการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสมทั้งในด้านวัตถุดิบ เวลา ข้อมูล เครื่องจักร และสินค้าคงเหลือ เมื่อสามารถจัดการกับความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นเหล่านี้ได้จะทำให้เข้าใจโครงสร้างต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งเป็นปัจจัยภายในที่เอสเอ็มอีสามารถควบคุมได้ด้วยตนเอง ทำให้เกิดความคล่องตัวและเกิดประสิทธิภาพในการทำงานส่งผลต่อศักยภาพในการแข่งขัน ทั้งสามารถประคองธุรกิจให้อยู่รอดในสภาวะที่สภาพเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่เอสเอ็มอีไม่อาจควบคุมได้
“ภาวะเช่นนี้เอสเอ็มอีต้องหันมาสำรวจและวิเคราะห์จากปัจจัยภายใน เพื่อช่วยเหลือกิจการตนเองให้ได้มากที่สุด โดยเริ่มจากความเข้าใจในโครงสร้างต้นทุนของธุรกิจตนเอง ที่ผ่านมาในหลายธุรกิจที่เคยต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายทางเศรษฐกิจในช่วงปี 2540 และสามารถพลิกสถานการณ์ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนในเวลาต่อมาได้ โดยที่ยังสามารถรักษาบุคลากรไว้ได้เต็มอัตรา บางรายแม้ยอดขายจะลดลงแต่กำไรเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างเหล่านี้เกิดขึ้นจริงภายใต้การสนับสนุนของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมซึ่งร่วมมือกับภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ในการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอี เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นระบบ มีการเติบโตอย่างมั่นคง และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนในที่สุด” อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกล่าว
