xs
xsm
sm
md
lg

แอลจีชูแอร์เรือธงหวังที่ 2 ปรับหน่วยธุรกิจ-ตลาดลุย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แอลจีชูแอร์เรือธงทำตลาด เบนเข็มส่งออกฝั่งละตินและตะวันออกกลาง พร้อมปรับทัพรับสถานการณ์ออกเป็น 4 หน่วยธุรกิจ แยกแอร์ออกมาทำตลาดอย่างชัดเจน มั่นใจรั้งเบอร์รองด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 15% จากปีก่อนทำได้ 11%

นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทได้ปรับหน่วยธุรกิจใหม่ แบ่งออกเป็น 4 หมวดใหญ่ คือ 1.โฮม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ หรือ HE คือ โทรทัศน์ เครื่องเสียง และดีวีดี 2.เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน หรือ HA ได้แก่ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น และเครื่องดูดฝุ่น 3.เครื่องปรับอากาศ และ 4.มือถือ โดยเป็นการดึงเอาเครื่องปรับอากาศออกมาทำตลาดอย่างชัดเจน จากเดิมจัดอยู่ในกลุ่ม HA ซึ่งปีก่อนสร้างรายได้ประมาณ 30% กลุ่ม HE 40% และอีก 20% เป็นกลุ่มมือถือ ขณะที่แอร์สร้างรายได้อยู่ที่ 10% ของรายได้รวมทั้งหมด

สาเหตุที่ดึงเครื่องปรับอากาศมาทำตลาดอย่างจริงจังนั้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่แตกต่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป มีการทำงานที่แตกต่าง นอกจากนั้น ปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นทำตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์มากขึ้น รวมถึงจะให้ความสำคัญกับธุรกิจในลักษณะ B to B มากขึ้น โดยปีนี้บริษัทได้วางงบการตลาดไว้ถึง 300 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ใช้ประมาณ 250 ล้านบาท โดยปีนี้จะให้ความสำคัญทั้งบีโลว์ เดอะ ไลน์ และ อะโบฟ เดอะไลน์

รวมทั้งแบ่งกลุ่มผู้บริโภคออกเป็น 2 กลุ่ม คือ พรีเมียม 20% และกลุ่มฉลาดซื้อ 80% คือ กลุ่มพรีเมียมจะเป็นสินค้าระดับอาร์ท คูล เน้นดีไซน์ และเทคโนโลยี อย่างระบบอินเวอร์เตอร์ ส่วนกลุ่มฉลาดซื้อที่พิถีพิถันในการเลือกซื้อจะตรงกับสินค้าในกลุ่ม เฮลท์ พลัส และ เฮลท์ คูล ซึ่งปีนี้บริษัทได้เปิดตัวรุ่นใหม่ถึง 6 รุ่น จากปกติที่จะเปิดตัวเพียง 3-4 รุ่นต่อปี เพื่อก้าวสู่อันดับสองในตลาดรวมแอร์ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 180,000 เครื่อง แบ่งเป็นแอร์บ้าน 1.4 แสนเครื่อง มูลค่าที่ 2,000 ล้านบาท และแอร์พาณิชย์อีก 4 หมื่นเครื่อง ประมาณ 800 ล้านบาท หรือคาดว่า จะมีแชร์ในตลาดที่ 15% ก้าวขึ้นเป็นอันดับสองของตลาด จากปีก่อนเป็นอันดับสาม มีแชร์ 11% ขณะที่ภาพรวมตลาด คาดว่าจะมีความต้องการอยู่ที่ 930,000 เครื่อง เติบโตขึ้น 5% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมกว่า 13,000 ล้านบาท

ปีนี้บริษัทจะไม่ปรับลดราคาสินค้าลง แม้สถานกาณ์ทางเศรษฐกิจจะไม่ดีก็ตาม ทั้งนี้ บริษัทอาจจะมีการปรับราคาให้ลดความต่างจากคู่แข่งที่เป็นแบรนด์ญี่ปุ่น จากเดิมที่มีราคาห่างกันประมาณ 3-4% ลดลงเหลือ 2% ส่วนแบรนด์โลคอลจากเดิมที่มีความต่างในการจำหน่ายประมาณ 7% จะเพิ่มเป็น 10%

นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ด) ลี กล่าวต่อว่า การทำตลาดแอร์ในปีนี้ ได้เพิ่มกำลังการผลิตอีก 20% จาก 1 ล้านเครื่องต่อปี เพื่อต้องการรองรับความต้องการในการทำตลาดในประเทศ ในการก้าวขึ้นมาเป็นอันดับสอง ขณะเดียวกัน ในแง่การส่งออกจะเน้นจำหน่ายในกลุ่มประเทศใหม่ๆ เช่น ละตินอเมริกา หรือตะวันออกกลาง จากเดิมตลาดใหญ่จะเป็นฝั่งยุโรปหรือประเทศอเมริกา แต่จากสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐฯ จึงต้องมีการหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดเดิมที่คาดว่าจะหดตัว

นอกจากนี้เพื่อรองรับกลุ่มตลาดแอร์พาณิชย์ ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตสูง หรืออีกประมาณ 1 เท่าตัวจากปีก่อน เนื่องจากมีฐานที่เล็กอยู่ ประมาณ 20,000 เครื่อง ที่ทำได้ในปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนที่ 5% ของกลุ่มแอร์พาณิชย์ ที่คาดว่า จะมีมูลค่ารวมถึง 4 แสนเครื่องในปีนี้ โดยจะเน้นจับกลุ่มตลาดเรียลเอสเตท โรงพยาบาล ภาครัฐ และองค์กรทั้งหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น