เคเบิลทีวีมาแรง เอเยนซีจ้องหว่านเงินมากขึ้น “เอ พลัส” ลั่นกลองรบ ซุ่มผุดช่องเพิ่มอีกช่อง แนว ทอล์ก วาไรตี้ ปลายปี เชื่อเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เผยบีโลว์เดอะไลน์ ปีนี้ขาขึ้น มุ่งจับลูกค้าอีเวนต์ภาครัฐ เหตุรายได้แน่นอนกว่าเอกชน ในภาวะเศรษฐกิจคาดการณ์ได้ยาก ทั้งปียอดทะลุ 200 ล้านแน่
นางสาวช่อผกา วิริยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ พลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เดิม เอพลัส ดำเนินธุรกิจด้านวิทยุต่างจังหวัดมาตลอด 10 กว่าปี แต่ในช่วงไตรมาสสองของปี 2551 ที่ผ่านมา ได้เพิ่ม 3 บิซิเนสใหม่ คือ ทีวีดาวเทียมช่อง ฮิต สเตชัน, ประชาสัมพันธ์ และธุรกิจรับจัดงานอีเวนต์ ส่งผลให้ปีที่ผ่านมา ค่อนข้างทำงานหนักแต่ก็คุ้มค่า เพราะสามารถทำรายได้ราว 130 ล้านบาท ถึงแม้จะต่ำกว่าเป้าไป 10% เหตุสภาวะเศรษฐกิจในช่างไตรมาส 4 ที่ค่อนข้างแย่ลง
อย่างไรก็ตาม 4 บิซิเนสนี้ จะเป็นแรงสำคัญในการทำรายได้ให้ปีนี้มากยิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างเริ่มเข้าที่ทั้งในด้านบุคลากรและอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ โดยมองว่า กลุ่มทีวีดาวเทียมปีนี้มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจมากที่สุด เนื่องจากพบว่าเอเยนซีโฆษณาจะให้ความสำคัญหันมาใช้สื่อนี้มากยิ่งขึ้น หรือในปีนี้คาดว่าตัวเลขโฆษณาในช่องฮิต สเตชัน น่าจะเติบโตจากปีก่อนถึง 30% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 20 ล้านบาท ในระยะ8เดือนหลังเปิดให้บริการ
สำหรับธุรกิจในส่วนของการประชาสัมพันธ์และรับจัดงานอีเวนต์ ซึ่งถือเป็นธุรกิจในส่วนของการตลาดแบบบีโลว์เดอะไลน์ ปีนี้ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นกัน โดยปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการให้ทำการประชาสัมพันธ์ให้กว่า 12 ราย ขณะนี้สามารถทำได้แล้วกว่า 70-80% ส่วนกลุ่มรับจัดงานอีเวนต์นั้น จะมุ่งหาลูกค้าภาครัฐเป็นหลัก เนื่องจากพบว่ารัฐบาลเองจะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะมีเม็ดเงินในส่วนการจัดงานค่อนข้างสูง ขณะที่กลุ่มเอกชนอาจจะมีความไม่แน่นอนในเรื่องของการจ่ายค่าบริการที่อาจจะไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ยิ่งสถานการณ์แบบนี้ยิ่งไม่น่าไว้ใจ ดังนั้นการเจาะกลุ่มภาครัฐถือเป็นการลดความเสี่ยงที่ดี ถึงจะได้เงินช้าแต่ชัวร์ ดังนั้น สัดส่วนภาครัฐ คาดว่า จะอยู่ที่ 80% เอกชน 20%
นางสาวช่อผกา กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทจะมีการยื่นบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI ช่วงกลางปีนี้ด้วย เพื่อต้องการระดมทุนในการเพิ่มช่องทีวีดาวเทียมอีก 1 ช่อง ในลักษณะของทอล์ก วาไรตี้ ในช่วงปลายปีนี้ด้วย ที่ต้องใช้เงินลงทุนหลายสิบล้านบาท ขณะที่ในส่วนของรายได้ในปี 2552 นี้ คาดว่า จะเติบโตขึ้นอีก 25-30% คิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท แบ่งรายได้ออกเป็น ทีวีดาวเทียม 35% วิทยุ 25% อีเวนต์ 20% และการประชาสัมพันธ์ 15% เท่ากับสัดส่วนในปีก่อน
นายกิตติภัทร์ รุ่งธนเกียรติ ประธาน บริษัท เอ พลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจวิทยุนั้น ปัจจุบันได้สัมปทานบริหารอยู่ทั้งหมด 20 สถานีในต่างจังหวัด แบ่งเป็น อสมท ในลักษณะร่วมผลิต 8 สถานี, ทภ.2 และ ทภ.3 จำนวน 6 สถานี และนทพ., มทพ.31, ทอ.และ รด.จำนวน 6 สถานี ปีนี้ได้มีการเจรจากับทางเจ้าของสัมปทานคลื่นเพื่อช่วยเหลือให้เราสามารถอยู่ได้ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ โดยมีการปรับลดค่าสัมปทานลงในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป คาดว่า จะช่วยให้รายได้ในส่วนวิทยุยังทรงตัวอยู่ได้
นางสาวช่อผกา วิริยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ พลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เดิม เอพลัส ดำเนินธุรกิจด้านวิทยุต่างจังหวัดมาตลอด 10 กว่าปี แต่ในช่วงไตรมาสสองของปี 2551 ที่ผ่านมา ได้เพิ่ม 3 บิซิเนสใหม่ คือ ทีวีดาวเทียมช่อง ฮิต สเตชัน, ประชาสัมพันธ์ และธุรกิจรับจัดงานอีเวนต์ ส่งผลให้ปีที่ผ่านมา ค่อนข้างทำงานหนักแต่ก็คุ้มค่า เพราะสามารถทำรายได้ราว 130 ล้านบาท ถึงแม้จะต่ำกว่าเป้าไป 10% เหตุสภาวะเศรษฐกิจในช่างไตรมาส 4 ที่ค่อนข้างแย่ลง
อย่างไรก็ตาม 4 บิซิเนสนี้ จะเป็นแรงสำคัญในการทำรายได้ให้ปีนี้มากยิ่งขึ้น เพราะทุกอย่างเริ่มเข้าที่ทั้งในด้านบุคลากรและอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ โดยมองว่า กลุ่มทีวีดาวเทียมปีนี้มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจมากที่สุด เนื่องจากพบว่าเอเยนซีโฆษณาจะให้ความสำคัญหันมาใช้สื่อนี้มากยิ่งขึ้น หรือในปีนี้คาดว่าตัวเลขโฆษณาในช่องฮิต สเตชัน น่าจะเติบโตจากปีก่อนถึง 30% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 20 ล้านบาท ในระยะ8เดือนหลังเปิดให้บริการ
สำหรับธุรกิจในส่วนของการประชาสัมพันธ์และรับจัดงานอีเวนต์ ซึ่งถือเป็นธุรกิจในส่วนของการตลาดแบบบีโลว์เดอะไลน์ ปีนี้ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นกัน โดยปีนี้ตั้งเป้าว่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการให้ทำการประชาสัมพันธ์ให้กว่า 12 ราย ขณะนี้สามารถทำได้แล้วกว่า 70-80% ส่วนกลุ่มรับจัดงานอีเวนต์นั้น จะมุ่งหาลูกค้าภาครัฐเป็นหลัก เนื่องจากพบว่ารัฐบาลเองจะเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะมีเม็ดเงินในส่วนการจัดงานค่อนข้างสูง ขณะที่กลุ่มเอกชนอาจจะมีความไม่แน่นอนในเรื่องของการจ่ายค่าบริการที่อาจจะไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ ยิ่งสถานการณ์แบบนี้ยิ่งไม่น่าไว้ใจ ดังนั้นการเจาะกลุ่มภาครัฐถือเป็นการลดความเสี่ยงที่ดี ถึงจะได้เงินช้าแต่ชัวร์ ดังนั้น สัดส่วนภาครัฐ คาดว่า จะอยู่ที่ 80% เอกชน 20%
นางสาวช่อผกา กล่าวต่อว่า ปีนี้บริษัทจะมีการยื่นบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ MAI ช่วงกลางปีนี้ด้วย เพื่อต้องการระดมทุนในการเพิ่มช่องทีวีดาวเทียมอีก 1 ช่อง ในลักษณะของทอล์ก วาไรตี้ ในช่วงปลายปีนี้ด้วย ที่ต้องใช้เงินลงทุนหลายสิบล้านบาท ขณะที่ในส่วนของรายได้ในปี 2552 นี้ คาดว่า จะเติบโตขึ้นอีก 25-30% คิดเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท แบ่งรายได้ออกเป็น ทีวีดาวเทียม 35% วิทยุ 25% อีเวนต์ 20% และการประชาสัมพันธ์ 15% เท่ากับสัดส่วนในปีก่อน
นายกิตติภัทร์ รุ่งธนเกียรติ ประธาน บริษัท เอ พลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของธุรกิจวิทยุนั้น ปัจจุบันได้สัมปทานบริหารอยู่ทั้งหมด 20 สถานีในต่างจังหวัด แบ่งเป็น อสมท ในลักษณะร่วมผลิต 8 สถานี, ทภ.2 และ ทภ.3 จำนวน 6 สถานี และนทพ., มทพ.31, ทอ.และ รด.จำนวน 6 สถานี ปีนี้ได้มีการเจรจากับทางเจ้าของสัมปทานคลื่นเพื่อช่วยเหลือให้เราสามารถอยู่ได้ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ โดยมีการปรับลดค่าสัมปทานลงในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป คาดว่า จะช่วยให้รายได้ในส่วนวิทยุยังทรงตัวอยู่ได้