ลอฟท์ หวั่นใจเศรษฐกิจรวน เน้นโฟกัสรายได้แบบไตรมาสต่อไตรมาสมากขึ้น มุ่งอีเวนต์ถี่ ขยายฐานสู่คนทำงานกำลังซื้อสูง ช่วยดันยอดขาย พร้อมดูสถานการณ์โดยรวม ก่อนประเมินการเติบโตครึ่งปีหลัง หวังทั้งปีรายได้น่าจะดีขึ้น ส่วนแผนขยายสาขายังไม่คืบหน้า
นางศิริเพ็ญ อินทุภูติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ บริษัท บีไอเอชซี เทรดดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านลอฟท์ เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์ต่างๆ ในปีนี้ มองว่า จะยังมีความผันผวนอยู่ ดังนั้น ทางบริษัทจะขอดูสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ไปพร้อมกับการทำการตลาด ซึ่งแผนประจำปีที่ได้วางไว้แล้วนั้น อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์
ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นแผนการทำตลาดแบบระยะสั้นมากขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้ในไตรมาสหนึ่งน่าจะโตจากปีก่อนที่ 15% และในไตรมาสสองโตที่ 20% ส่วนครึ่งปีหลังนั้น ยังไม่ได้โฟกัสชัดเจน ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง แต่เชื่อว่า ทั้งปีนี้ ผลประกอบการไม่น่าจะน้อยกว่าปีก่อน หรือมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% จากที่ทำได้ในปีที่ผ่านมา
ส่วนการเติบโตในปีนี้ มองว่า จะมาจาก 5 ส่วนหลักๆ คือ 1.สินค้าใหม่ที่นำเข้ามาจำหน่ายหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา 2.การพูดคุยและทำงานร่วมกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น 3.กิจกรรมส่งเสริมการขายที่จะเน้นเรื่องของอีเวนต์มาร์เกตติ้งมากขึ้นถี่ขึ้น 4.โปรโมชันทางด้านราคา และ 5.การขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนทำงานที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น โดยไตรมาสหนึ่งนี้ใช้งบการตลาดที่ 15 ล้านบาท
ล่าสุด ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ กับแคมเปญ Loft of Love เชื่อว่า จะมียอดขายเติบโตขึ้น 40% เทียบกับช่วงเวลาปกติ หรือเติบโตขึ้นจากวาเลนไทน์ในปีก่อน 10%
นางสาวสุวิภา วรรณมโนมัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริหารสินค้าและการตลาด บริษัท บีไอเอชซี เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า หากมองการเติบโตที่วางไว้แล้ว ถือเป็นการประเมินการเติบโตตามสถานการณ์จริง ถึงแม้ว่าในช่วงปลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯจะเพิ่มลอฟท์อีก 1 สาขาที่ จามจุรีสแควร์ แต่ก็ถือเป็นพื้นที่เล็กๆ ดังนั้น เมื่อรวมรายได้เข้าด้วยกันแล้ว ไตรมาสหนึ่งจึงน่าจะเติบโตได้อย่างน้อยที่สุด 15% ขณะที่ปีก่อนโต 25-30% แต่นั่นเป็นเพราะในปี 2550 ช่วงเดียวกันถือเป็นช่วงรีโนเวตสาขา ทำให้การเติบโตปีก่อนจึงดูสูงเมื่อเทียบกับปีนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าศึกษาพื้นที่ในการขยายสาขาแห่งใหม่ต่อไป ซึ่งแผนดังกล่าวไม่มีการชะลอลง ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะไม่เอื้อก็ตาม
ปัจจุบัน ลอฟท์ มีฐานลูกค้าคนไทย 80% และต่างประเทศ 20% ปีนี้ในแง่จำนวนสมาชิกตั้งเป้าเติบโตขึ้นอีก 30% จาก 23,000 คน ในปีก่อนที่แอกทีฟ ซึ่งยอดการใช้จ่ายปกติอยู่ที่ 600 บาทต่อใบเสร็จ สูงสุดอยู่ที่ 2,000 บาท ขณะที่สัดส่วนสินค้าที่วางจำหน่าย 60% นำเข้าจากญี่ปุ่น และ 40% จากประเทศอื่นๆ
นางศิริเพ็ญ อินทุภูติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ บริษัท บีไอเอชซี เทรดดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจร้านลอฟท์ เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์ต่างๆ ในปีนี้ มองว่า จะยังมีความผันผวนอยู่ ดังนั้น ทางบริษัทจะขอดูสถานการณ์ต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ไปพร้อมกับการทำการตลาด ซึ่งแผนประจำปีที่ได้วางไว้แล้วนั้น อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์
ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นแผนการทำตลาดแบบระยะสั้นมากขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้ในไตรมาสหนึ่งน่าจะโตจากปีก่อนที่ 15% และในไตรมาสสองโตที่ 20% ส่วนครึ่งปีหลังนั้น ยังไม่ได้โฟกัสชัดเจน ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง แต่เชื่อว่า ทั้งปีนี้ ผลประกอบการไม่น่าจะน้อยกว่าปีก่อน หรือมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% จากที่ทำได้ในปีที่ผ่านมา
ส่วนการเติบโตในปีนี้ มองว่า จะมาจาก 5 ส่วนหลักๆ คือ 1.สินค้าใหม่ที่นำเข้ามาจำหน่ายหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา 2.การพูดคุยและทำงานร่วมกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น 3.กิจกรรมส่งเสริมการขายที่จะเน้นเรื่องของอีเวนต์มาร์เกตติ้งมากขึ้นถี่ขึ้น 4.โปรโมชันทางด้านราคา และ 5.การขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนทำงานที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น โดยไตรมาสหนึ่งนี้ใช้งบการตลาดที่ 15 ล้านบาท
ล่าสุด ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ กับแคมเปญ Loft of Love เชื่อว่า จะมียอดขายเติบโตขึ้น 40% เทียบกับช่วงเวลาปกติ หรือเติบโตขึ้นจากวาเลนไทน์ในปีก่อน 10%
นางสาวสุวิภา วรรณมโนมัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบริหารสินค้าและการตลาด บริษัท บีไอเอชซี เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า หากมองการเติบโตที่วางไว้แล้ว ถือเป็นการประเมินการเติบโตตามสถานการณ์จริง ถึงแม้ว่าในช่วงปลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯจะเพิ่มลอฟท์อีก 1 สาขาที่ จามจุรีสแควร์ แต่ก็ถือเป็นพื้นที่เล็กๆ ดังนั้น เมื่อรวมรายได้เข้าด้วยกันแล้ว ไตรมาสหนึ่งจึงน่าจะเติบโตได้อย่างน้อยที่สุด 15% ขณะที่ปีก่อนโต 25-30% แต่นั่นเป็นเพราะในปี 2550 ช่วงเดียวกันถือเป็นช่วงรีโนเวตสาขา ทำให้การเติบโตปีก่อนจึงดูสูงเมื่อเทียบกับปีนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าศึกษาพื้นที่ในการขยายสาขาแห่งใหม่ต่อไป ซึ่งแผนดังกล่าวไม่มีการชะลอลง ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะไม่เอื้อก็ตาม
ปัจจุบัน ลอฟท์ มีฐานลูกค้าคนไทย 80% และต่างประเทศ 20% ปีนี้ในแง่จำนวนสมาชิกตั้งเป้าเติบโตขึ้นอีก 30% จาก 23,000 คน ในปีก่อนที่แอกทีฟ ซึ่งยอดการใช้จ่ายปกติอยู่ที่ 600 บาทต่อใบเสร็จ สูงสุดอยู่ที่ 2,000 บาท ขณะที่สัดส่วนสินค้าที่วางจำหน่าย 60% นำเข้าจากญี่ปุ่น และ 40% จากประเทศอื่นๆ
