จากที่เน้นจำหน่ายอุปกรณ์โครงสร้างพื้นฐานระบบคอมพิวเตอร์ เช่น สวิตช์และเราท์เตอร์มาตลอด ล่าสุด 3COM (ทรีคอม) ประกาศแตกไลน์คลุมตลาดรักษาความปลอดภัยด้วยการเพิ่มแอปพลิเคชันวิเคราะห์ภาพใบหน้าบนกล้องวิดีโอวงจรปิดที่เคยใช้ในการแข่งขันโอลิมปิกมาแล้ว มั่นใจเห็นโอกาสทองท่ามกลางภาพรวมปีหน้าที่เชื่อว่าตลาดเน็ตเวิร์กจะโต ขณะที่พิษแฮมเบอร์เกอร์และปมเอสเอ็มอีปิดตัวไม่กระทบยอด โดยปีหน้าจะเพิ่มพนักงานอีก 25% สวนทางบริษัทไอทีแห่ปลดพนักงาน
นายชิงชัย เมฆทิพย์พาชัย ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ทรีคอม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงานเปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่ของทรีคอมที่อาคารจามจุรีสแควร์ ว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ทรีคอมให้ความสำคัญกับการเพิ่มบุคลากรเพื่อให้สามารถดูแลตลาดได้มากขึ้น โดยระบบระวังภัยวิดีโออัจฉริยะบนเครือข่ายไอพีคือหนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ที่ทรีคอมจะทำตลาดในปีหน้า
"ปีหน้าไม่ลดคนแน่นอน แต่จะเพิ่มด้วย เราปรับตัวมานานแล้วทำให้ปีที่ผ่านมาไม่ได้ขาดทุน ทรีคอมไทยเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ผลประกอบการในอาเซียนเติบโต พอเราขอเพิ่มคนไปทางสำนักงานใหญ่ก็เลยให้ คาดว่าจะเพิ่มประมาณ 25% จากที่มีอยู่ ก่อนนี้เราไม่เคยทำตลาดระบบ Video Surveillance เลย แต่เคยใช้งานจริงแล้วที่โอลิมปิกที่ปักกิ่ง เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ซ้ำใครในตลาด เชื่อว่าตลาดจะโตอย่างน่าสนใจ พูดยากว่าจะโตเท่าไหร่"
ระบบระวังภัยวิดีโอบนเครือข่ายไอพีของทรีคอมมีชื่อเต็มว่า IP Intelligent Video Surveillance เป็นแอปพลิเคชันระวังภัยบนระบบกล้องวิดีโอวงจรปิดที่สามารถวิเคราะห์ใบหน้าบุคคลในภาพได้ว่าเป็นบุคคลแปลกหน้าหรือไม่ กลุ่มตลาดคือผู้ให้บริการเช่น หมู่บ้าน แยกการจราจร โดยชิงชัยการันตีว่าเป็นเทคโนโลยีที่ยังไม่ซ้ำใครในตลาด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดขณะนี้มีความสามารถเพียงเก็บบันทึกเท่านั้น
"เราแปลงสัญญาณกล้องวงจรปิดให้เป็นไอพีแล้วเอามาวิ่งบนเน็ตเวิร์ก แอปพลิเคชันวิเคราะห์หน้าจะมีฐานข้อมูลอยู่ ถ้าใบหน้าบุคคลในภาพตรงกับฐานข้อมูล บนหน้าจอจะปรากฏเครื่องหมายถูกเพื่อให้บุคคลนั้นผ่านไปได้ ถ้าเปลี่ยนสีผมมาก็ยังตรวจจับได้ แต่ถ้าไม่ตรงกับฐานข้อมูล ระบบจะโชว์เครื่องหมายผิด แล้วแจ้งเตือนให้รปภ.เข้ามาตรวจสอบ สามารถใช้กับกล้องวงจรปิดระบบเดิม และสามารถใช้กับการวิเคราะห์เลขทะเบียนรถที่ปรากฏในภาพได้ด้วย" นายสุรชัย ชัยยารังกิจรัตน์ ที่ปรึกษาด้านระบบเครือข่ายของทรีคอมให้ข้อมูล
ระบบระวังภัยวิดีโอเป็นหนึ่งในหลายเทคโนโลยีที่ทรีคอมจะต่อยอดจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Secure Converged Network (SCN) ซึ่งถูกวางจุดยืนให้เป็นเครือข่ายที่สามารถปรับให้ส่งข้อมูลชนิดใดก็ได้เพื่อการรักษาความปลอดภัย เช่น ข้อมูลในระบบบัตรเข้าออกอาคาร ข้อมูลการเข้าถึงอุปกรณ์ทุกชิ้น และข้อมูลกล้องวงจรปิด เป็นต้น โดยยังมีเทคโนโลยีใหม่สำหรับโครงข่ายขนาดใหญ่ที่ทรีคอมการันตีว่าสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินสายไฟเบอร์ ประหยัดพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน พร้อมบุกตลาดผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตขนาดใหญ่ในปีหน้าด้วย
"งบการตลาดในปีหน้าบอกไม่ได้ ยืนยันว่าไม่ได้ถูกตัด แต่จะเน้นการใช้งบให้คุ้มค่าที่สุด ส่วนแบ่งการตลาดตอนนี้อยู่อันดับ2 สัดส่วนการเติบโตของทรีคอมประเทศไทยคือ 37% ต่อปี บอกไม่ได้ว่าปีหน้าจะอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ คิดว่าต้องโตอีกแน่นอน ส่วนตัวผมได้ยินมาว่าปีหน้าตลาดสถาบันการเงินจะโตเรื่องซีเคียวริตี้ การศึกษาจะโตทุกส่วน เพราะเศรษฐกิจไม่ดี คนจะหันมาเรียนต่อในประเทศกันมากขึ้น"
ชิงชัยยืนยันว่าแนวโน้มการปิดตัวของเอสเอ็มอีขนาดเล็กไม่กระทบต่อธุรกิจของบริษัท เช่นเดียวกับพิษเศรษฐกิจในสหรัฐฯ
"ลูกค้าของทรีคอมส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนฐานไปเป็นธุรกิจใหญ่ได้มากขึ้นแล้ว ส่วนที่ปิดคือส่วนธุรกิจขนาดเล็กที่ซื้อผลิตภัณฑ์ด้วยปัจจัยราคา ที่กระทบคิดว่าเป็นเพียงภาวะตลาดช็อก หรือธุรกิจขนาดกลางหยุดซื้อชั่วคราวเพื่อรอดูสถานการณ์ ซึ่งปีหน้าเราก็ยังมีโรดโชว์ไปหัวเมืองภาคต่างๆอย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต และขอนแก่นเช่นทุกปี ขณะเดียวกันก็โชคดีที่ทรีคอมมีลูกค้าในยุโรปและสหรัฐฯในสัดส่วนไม่ถึงครึ่ง เมื่อได้ยอดจากเอเชียและละตินอเมริกาก็สามารถเฉลี่ยสมดุลได้เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง"
รายได้ของทรีคอมในไตรมาสแรก ประจำปีงบประมาณ 2552 (มิถุนายน-สิงหาคม 2551) อยู่ที่ 342.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้เกินครึ่งมาจากตลาดจีน ถือเป็นไตรมาสที่มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องไตรมาสที่ 8 แล้ว สำหรับประเทศไทยมีอัตราเติบโต 109%
"เชื่อว่าโดยรวมปีหน้าตลาดเน็ตเวิร์กโตขึ้นแน่นอน อย่างน้อยบริษัทที่ต้องการเปลี่ยนโครงข่ายโทรศัพท์ เกินครึ่งต้องการใช้ IP Phone สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในปีหน้า คงเป็นการกลัวกันไปเองมากกว่า"
Company Related Links :
3COM
