พาณิชย์ เตรียมเพิ่ม ข้าวโพด-มันฯ-กาแฟผง-แป้งสาลี เป็นสินค้าควบคุม เตรียมชง ครม.สัปดาห์หน้า ส่วนการปรับขึ้นราคาน้ำมัน 1.55 บาท/ลิตร วันที่ 1 ก.พ.นี้ ไม่ทำให้สินค้าต้องปรับขึ้นราคา เพราะกระทบต้นทุนแค่ 0.1-0.2%
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) โดยระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางปรับลดและเพิ่มรายการสินค้าและบริการควบคุมทั้งสิ้น 39 รายการ โดยตัดกลุ่มสินค้าอัญมณี เพราะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และเพิ่มอีก 4 รายการ คือ ข้าวโพด มันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์ แป้งสาลี และกาแฟสำเร็จรูป โดยจะนำผลการประชุมครั้งนี้เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นจะประกาศใช้เป็นระยะเวลา 1 ปี รวมถึงกำหนดให้สินค้าอุปโภคบริโภคจะต้องปิดป้ายแสดงราคาสินค้า
นอกจากนี้ นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะเลขาธิการ กกร.ได้ถอนเรื่องมาตรการควบคุมดูแลภาคธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะการกำหนดราคาสินค้าในห้างสรรพสินค้าให้เป็นสินค้าควบคุมด้านบริการ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีการศึกษาเบื้องต้นว่าที่ผ่านมา พฤติกรรมการลดแลกแจกแถมของห้างสรรพสินค้ารายใหญ่สร้างความไม่เป็นธรรมต่อระบบค้าปลีกค้าส่ง ทางกระทรวงพาณิชย์จึงมีแนวคิดที่จะดึงธุรกิจบริการสินค้าในห้างสรรพสินค้ามาเป็นสินค้าควบคุมด้วยนั้น นางพรทิวา กล่าวว่า ก่อนเข้าการพิจารณาของ กกร.ได้มีการศึกษาเรื่องดังกล่าวมาแล้วมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อาจจะเกิดความไม่เหมาะสมในการควบคุม เพราะหลายฝ่ายมองว่าแนวทางควบคุมอาจจะกระทบต่อภาคธุรกิจค้าปลีกค้าส่งรายย่อย ดังนั้น จึงได้ถอนเรื่องดังกล่าวออกจากการพิจารณา และให้เลขาธิการ กกร.กลับไปทบทวนและระดมความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อให้ทุกอย่างเกิดความชัดเจนและนำมาเสนอที่ประชุมในครั้งต่อไป
“กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ละเลยต่อปัญหาการค้าไม่เป็นธรรม แต่เพื่อให้เกิดการรัดกุมในระบบค้าปลีกค้าส่ง รัฐบาลมีแนวทางดูแล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาควบคุมดูแลภาคธุรกิจและได้บรรจุในนโยบายรัฐบาลที่จะมีกฎหมายค้าปลีกค้าส่ง จึงต้องการให้เกิดการรอบคอบในการควบคุมธุรกิจค้าปลีกค้าส่งให้มากที่สุด”
ส่วนการที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ อีก 1.55 บาทต่อลิตรนั้น นางพรทิวา กล่าวว่า การขึ้นราคาน้ำมันครั้งนี้ไม่กระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคมากนัก โดยกระทบเพียงร้อยละ 0.1-0.2 จึงไม่ใช่เหตุผลที่ผู้ประกอบการจะนำมาเป็นข้ออ้างปรับราคาสินค้า สำหรับกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ คือ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เหล็ก หิน ปูน ทราย โดยจะกระทบภาคการขนส่งแต่ไม่กระทบภาคการผลิต ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จะติดตามราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิด หากกลุ่มใดได้รับผลกระทบจากการปรับราคาน้ำมันครั้งนี้ให้เสนอตัวเลขมาให้กรมการค้าภายในพิจารณา
สำหรับรายการสินค้าและบริการควบคุม 39 รายการ ประกอบด้วย กระดาษทำลูกฟูก กระดาษพิมพ์และเขียน กระดาษเหนียว กระเทียม กาแฟสำเร็จรูป ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ข้าวเปลือกและข้าวสาร ข้าวโพด ครีมเทียมข้นหวานและนมข้น นมคืนรูปและนมแปลงไขมัน เครื่องแบบนักเรียน แชมพู นมผงและนมสด นมเปรี้ยวพร้อมดื่มและโยเกิร์ต น้ำตาลทราย น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันและไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์ทั้งบริโภคได้และไม่ได้ น้ำยาซักฟอก แบตเตอรี่รถยนต์ ปุ๋ย ปูนซีเมนต์ แป้งสาลี ผงซักฟอก ผลิตภัณฑ์ล้างจาน ผ้าอนามัย มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ยางรถยนต์และยางรถจักรยานยนต์ ยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชหรือโรคพืช ยารักษาโรค เยื่อกระดาษ รถจักรยานยนต์ รถยนต์นั่ง และรถยนต์บรรทุก สบู่ สายไฟฟ้า สุกรและเนื้อสุกร หัวอาหารสัตว์และอาหารสัตว์ เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่นและเหล็กเส้น อาหารกึ่งสำเร็จรูปบรรจุภาชนะผนึก (บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป) อาหารในภาชนะปิดสนิท และการให้สิทธิ์ในการเผยแพร่ลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้า
