"โฆสิต"พ้นข้อกล่าวหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เอื้อประโยชน์ให้"ผาแดงฯ"ได้รับผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น1เอและ1บีทำเหมืองแร่สังกะสี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรมสมัยรัฐบาลสุรยุทธ์ โดยป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงไม่มีมูล
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. ว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหา นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในสมัยรัฐบาลพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เอื้อประโยชน์ให้บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)(PDI) ได้รับการผ่อนผันจากคณะรัฐมนตรีในการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ และ1 บี ในการทำเหมืองแร่สังกะสีที่ ต.พระธาตุผาแดง อ.แม่สอด จ.ตาก
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า ในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่สังกะสีของบมจ. ผาแดงอินดัสทรี ที่นำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พิจารณาในการประชุมทั้งสองครั้งดังกล่าวนั้น เป็นรายงานที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงการเหมืองแร่ (คชก.) มาแล้ว โดยในกระบวนการพิจารณา คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ได้มีมติให้ผาแดงอินดัสทรี นำรายงานกลับไปแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนหลายครั้ง ในหลายประเด็น ซึ่งในช่วงนั้นนายโฆสิต ยังไม่ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม
แต่เมื่อนายโฆสิต ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแล้ว คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ก็ยังมีมติให้ผาแดงอินดัสทรี นำรายงานกลับไปแก้ไขเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง ในหลายประเด็นจนครบถ้วนแล้วจึงมีมติเห็นชอบกับรายงานดังกล่าว
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่า นายโฆสิต ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของตนกระทำการอย่างใด อันเป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต เพื่อช่วยเหลือบริษัท ผาแดงอินดัสทรีให้ได้รับการผ่อนผันจากคณะรัฐมนตรีตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
บริษัทผาแดงอินดัสทรี เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเหมืองแร่และผลิตสังกะสีแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ยื่นคำขอประทานบัตรที่ 1/2546 ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมที่บริษัทฯ ได้ทำเหมืองอยู่แล้วแต่อายุประทานบัตรสิ้นสุดลง จึงได้ยื่นขอประทานบัตรใหม่ในพื้นที่เดิม แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ทางผู้ขอประทานบัตรจะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการด้านโครงการเหมืองแร่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจึงจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2550
ซึ่งการที่นายโฆสิต ถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้กับผาแดงอินดัสทรีในสมัยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรมนั้น เนื่องจากนายโฆสิตได้เคยเป็นผู้บริหารบริษัทผาแดงอินดัสทรีมาก่อน ทำให้ถูกจับตามองประเด็นการช่วยเหลือผาแดงอินดัสทรีให้สามารถได้รับประทานบัตรใหม่ก่อนที่อายุจะสิ้นสุดลง
นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. ว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหา นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในสมัยรัฐบาลพล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เอื้อประโยชน์ให้บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)(PDI) ได้รับการผ่อนผันจากคณะรัฐมนตรีในการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ และ1 บี ในการทำเหมืองแร่สังกะสีที่ ต.พระธาตุผาแดง อ.แม่สอด จ.ตาก
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า ในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเหมืองแร่สังกะสีของบมจ. ผาแดงอินดัสทรี ที่นำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พิจารณาในการประชุมทั้งสองครั้งดังกล่าวนั้น เป็นรายงานที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงการเหมืองแร่ (คชก.) มาแล้ว โดยในกระบวนการพิจารณา คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ได้มีมติให้ผาแดงอินดัสทรี นำรายงานกลับไปแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนหลายครั้ง ในหลายประเด็น ซึ่งในช่วงนั้นนายโฆสิต ยังไม่ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม
แต่เมื่อนายโฆสิต ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแล้ว คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ก็ยังมีมติให้ผาแดงอินดัสทรี นำรายงานกลับไปแก้ไขเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง ในหลายประเด็นจนครบถ้วนแล้วจึงมีมติเห็นชอบกับรายงานดังกล่าว
จากการไต่สวนข้อเท็จจริงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่า นายโฆสิต ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของตนกระทำการอย่างใด อันเป็นการปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต เพื่อช่วยเหลือบริษัท ผาแดงอินดัสทรีให้ได้รับการผ่อนผันจากคณะรัฐมนตรีตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
บริษัทผาแดงอินดัสทรี เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเหมืองแร่และผลิตสังกะสีแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ยื่นคำขอประทานบัตรที่ 1/2546 ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมที่บริษัทฯ ได้ทำเหมืองอยู่แล้วแต่อายุประทานบัตรสิ้นสุดลง จึงได้ยื่นขอประทานบัตรใหม่ในพื้นที่เดิม แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ทางผู้ขอประทานบัตรจะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการด้านโครงการเหมืองแร่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน เมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจึงจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2550
ซึ่งการที่นายโฆสิต ถูกกล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้กับผาแดงอินดัสทรีในสมัยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรมนั้น เนื่องจากนายโฆสิตได้เคยเป็นผู้บริหารบริษัทผาแดงอินดัสทรีมาก่อน ทำให้ถูกจับตามองประเด็นการช่วยเหลือผาแดงอินดัสทรีให้สามารถได้รับประทานบัตรใหม่ก่อนที่อายุจะสิ้นสุดลง
