กระทรวงการท่องเที่ยว ทุ่ม 20 ล้านบาท จัด 3 โครงการนำร่อง กระตุ้นนักท่องเที่ยวตลาดอาเซียน 10 ประเทศ เดินทางเข้าไทย พร้อมจับมือลุ่มสมาชิกอาเซียน จัดโครงการ อาเซียนทัวริสซึม อินเซนทีฟ ทำ บัดเจ็ด ทราเวลลิ่ง หนุนประชากรอาเซียน 570 ล้านคน เที่ยวเชื่อมโยงกันในภูมิภาค หวัง กันผลกระทบจากนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกลชะลอตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุมอาเซียน ทัวริสซึม ฟอรัม (ATF) ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันใน 4 เรื่องหลักด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ 1.การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฉบับใหม่เพื่อใช้ในปี 2553-2558 ต่อเนื่องจากแผนฉบับเดิมที่จะหมดอายุในปลายปี 2552 2.การส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ในลักษณะการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยง เพื่อลดความเสี่ยงของจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล ที่จะชะลอตัวลงจากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลก 3. สนับสนุนให้ปี 2552-2553 เป็นปี ท่องเที่ยวเยาวชน เพื่อให้เยาวชนของทุกประเทศในอาเซียน ได้เดินทางท่องเที่ยว ในประเด็นนี้ จึงเป็นที่มาของ 3 โครงการดังกล่าวข้างต้น และ 4. จัดทำโครงการ อาเซียนทัวริสซึม อินเซนทีฟ เพื่อใช้เป็นมาตรการจูงในให้นักท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนเดินทางท่องเที่ยวกันภายในภูมิภาค
ทั้ง 4 เรื่อง ดังกล่าว จะเสนอให้รัฐมนตรีอาเซียนลงนามเห็นชอบร่วมกัน โดยจัดทำเป็นปฎิญญาอาเซียน โดยในประเด็นข้อที่ 4 มีความเป็นไปได้ ที่จะให้นักท่องเที่ยวที่ถือพาสปอร์ตของประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่เดินทางไปในประเทศกลุ่มอาเซียนด้วยกัน ได้ส่วนลดในโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ตลอดจนสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับห้างสรรพสินค้า และ ร้านอาหารที่จะเข้าร่วมโครงการ รวมถึงการรวมกลุ่มกันจัดแพกเกจทัวร์ราคาประหยัด หรือ บัดเจ็ดทราเวลิ่ง โดยจะหารือกันในวันที่ 25-26 ม.ค.52 เพื่อให้ได้ข้อสรุป ก่อนนำเข้าที่ประชุมอาเซียนซัมมิทในวันที่ 27-28 ม.ค.52 เชื่อว่าวิธีนี้ จะช่วยกระตุ้นให้คนในอาเซียน เดินทางเชื่อมโยงกันในภูมิภาคเพิ่มขึ้น ซึ่งประชากรทั้ง 10 ประเทศในอาเซียนขณะนี้มีรวมกันทั้งสิ้นราว 570 ล้านคน สำหรับโครงการนี้ จะดำเนินการในระยะเวลา 6 เดือน กระตุ้นท่องเที่ยวในระยะสั้น
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศเวียดนามได้ประกาศว่าโรงแรมในเวียดนาม พร้อมใจกันลดราคาห้องพักลง 50% สะท้อนให้เห็นว่า ทุกประเทศตื่นตัวกับการรับมือผลกระทบจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก ดังนั้น การร่วมมือกันในกลุ่มประเทศอาเซียนให้อินเซนทีฟแก่นักท่องเที่ยวของตัวเอง ก็เพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้ แต่ในที่นี้ก็ยอมรับว่า ในความร่วมมือ ก็ยังต้องมีเรื่องของการแข่งขัน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวนอกภูมิภาค ซึ่งก็เป็นเรื่องของแต่ละประเทศจะกำหนดยุทธศาสตร์ ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ประเทศไทย ได้หารือกับประเทศสิงคโปร์ ในความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น หากประเทศใครมีการจัดประชุมใหญ่ ก็ให้นำเสนอให้มาท่องเที่ยวในอีกประเทศหนึ่งร่วมด้วย
นอกจากนั้นในระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวยังได้เห็นตรงกันที่จะส่งเสริมให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยง 10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่อาจทำให้ นักท่องเที่ยวนอกภูมิภาค เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในอาเซียนลดลง โดยเฉพาะในตลาดระยะไกล ดังนั้น ประเทศไทย ในฐานะ ประธานอาเซียน รัฐบาลจึงจัดสรรงบประมาณ วงเงิน 20 ล้านบาท ผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้ดำเนินการใน 3 โครงการ เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ โครงการยุวทูตอาเซียน , โครงการอาเซียนแฟมิลี่แรลลี่ และ โครงการ ฟุตบอลเยาวชนอาเซียน
ทั้ง 3 โครงการ จะเริ่มจัดในเดือน มกราคม มีนาคม และ มิถุนายน ตามลำดับ สาเหตุที่เริ่มจากนักท่องเที่ยวกลุ่มเยาวชน เพราะต้องการให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องแหล่งท่องเที่ยว และ ปูพื้นฐานให้เยาชนสนใจเนื่องการท่องเที่ยว ส่วนโครงการอาเซียนแฟมิลี่แรลลี่ เพื่อส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวทางบกในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยคณะผู้แทนที่เข้าร่วมโครงการ จะได้มีการศึกษาสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกในเส้นทางที่ผ่านในระยะ 50 กิโลเมตร เช่น ป้ายบอกทาง แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาทั้งหมด ไปใช้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของไทยและในอาเซียน โดยยึดหลักความเป็นสากลมากที่สุด ส่วนโครงการฟุตบอลเยาวชนอาเซียน เพื่อให้เยาวชนเกิดการเรียนรู้ ศึกษาแหล่งท่องเที่ยว และเป็นผู้แทนในการช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย การจัดกีฬายังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุมอาเซียน ทัวริสซึม ฟอรัม (ATF) ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันใน 4 เรื่องหลักด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ 1.การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฉบับใหม่เพื่อใช้ในปี 2553-2558 ต่อเนื่องจากแผนฉบับเดิมที่จะหมดอายุในปลายปี 2552 2.การส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ในลักษณะการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยง เพื่อลดความเสี่ยงของจำนวนนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล ที่จะชะลอตัวลงจากผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลก 3. สนับสนุนให้ปี 2552-2553 เป็นปี ท่องเที่ยวเยาวชน เพื่อให้เยาวชนของทุกประเทศในอาเซียน ได้เดินทางท่องเที่ยว ในประเด็นนี้ จึงเป็นที่มาของ 3 โครงการดังกล่าวข้างต้น และ 4. จัดทำโครงการ อาเซียนทัวริสซึม อินเซนทีฟ เพื่อใช้เป็นมาตรการจูงในให้นักท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนเดินทางท่องเที่ยวกันภายในภูมิภาค
ทั้ง 4 เรื่อง ดังกล่าว จะเสนอให้รัฐมนตรีอาเซียนลงนามเห็นชอบร่วมกัน โดยจัดทำเป็นปฎิญญาอาเซียน โดยในประเด็นข้อที่ 4 มีความเป็นไปได้ ที่จะให้นักท่องเที่ยวที่ถือพาสปอร์ตของประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่เดินทางไปในประเทศกลุ่มอาเซียนด้วยกัน ได้ส่วนลดในโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ตลอดจนสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวอื่นๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับห้างสรรพสินค้า และ ร้านอาหารที่จะเข้าร่วมโครงการ รวมถึงการรวมกลุ่มกันจัดแพกเกจทัวร์ราคาประหยัด หรือ บัดเจ็ดทราเวลิ่ง โดยจะหารือกันในวันที่ 25-26 ม.ค.52 เพื่อให้ได้ข้อสรุป ก่อนนำเข้าที่ประชุมอาเซียนซัมมิทในวันที่ 27-28 ม.ค.52 เชื่อว่าวิธีนี้ จะช่วยกระตุ้นให้คนในอาเซียน เดินทางเชื่อมโยงกันในภูมิภาคเพิ่มขึ้น ซึ่งประชากรทั้ง 10 ประเทศในอาเซียนขณะนี้มีรวมกันทั้งสิ้นราว 570 ล้านคน สำหรับโครงการนี้ จะดำเนินการในระยะเวลา 6 เดือน กระตุ้นท่องเที่ยวในระยะสั้น
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศเวียดนามได้ประกาศว่าโรงแรมในเวียดนาม พร้อมใจกันลดราคาห้องพักลง 50% สะท้อนให้เห็นว่า ทุกประเทศตื่นตัวกับการรับมือผลกระทบจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก ดังนั้น การร่วมมือกันในกลุ่มประเทศอาเซียนให้อินเซนทีฟแก่นักท่องเที่ยวของตัวเอง ก็เพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้ แต่ในที่นี้ก็ยอมรับว่า ในความร่วมมือ ก็ยังต้องมีเรื่องของการแข่งขัน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวนอกภูมิภาค ซึ่งก็เป็นเรื่องของแต่ละประเทศจะกำหนดยุทธศาสตร์ ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ประเทศไทย ได้หารือกับประเทศสิงคโปร์ ในความร่วมมือส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น หากประเทศใครมีการจัดประชุมใหญ่ ก็ให้นำเสนอให้มาท่องเที่ยวในอีกประเทศหนึ่งร่วมด้วย
นอกจากนั้นในระดับรัฐมนตรีท่องเที่ยวยังได้เห็นตรงกันที่จะส่งเสริมให้เกิดการเดินทางเชื่อมโยง 10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่อาจทำให้ นักท่องเที่ยวนอกภูมิภาค เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในอาเซียนลดลง โดยเฉพาะในตลาดระยะไกล ดังนั้น ประเทศไทย ในฐานะ ประธานอาเซียน รัฐบาลจึงจัดสรรงบประมาณ วงเงิน 20 ล้านบาท ผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้ดำเนินการใน 3 โครงการ เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ โครงการยุวทูตอาเซียน , โครงการอาเซียนแฟมิลี่แรลลี่ และ โครงการ ฟุตบอลเยาวชนอาเซียน
ทั้ง 3 โครงการ จะเริ่มจัดในเดือน มกราคม มีนาคม และ มิถุนายน ตามลำดับ สาเหตุที่เริ่มจากนักท่องเที่ยวกลุ่มเยาวชน เพราะต้องการให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องแหล่งท่องเที่ยว และ ปูพื้นฐานให้เยาชนสนใจเนื่องการท่องเที่ยว ส่วนโครงการอาเซียนแฟมิลี่แรลลี่ เพื่อส่งเสริมเส้นทางการท่องเที่ยวทางบกในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยคณะผู้แทนที่เข้าร่วมโครงการ จะได้มีการศึกษาสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวกในเส้นทางที่ผ่านในระยะ 50 กิโลเมตร เช่น ป้ายบอกทาง แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาทั้งหมด ไปใช้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของไทยและในอาเซียน โดยยึดหลักความเป็นสากลมากที่สุด ส่วนโครงการฟุตบอลเยาวชนอาเซียน เพื่อให้เยาวชนเกิดการเรียนรู้ ศึกษาแหล่งท่องเที่ยว และเป็นผู้แทนในการช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย การจัดกีฬายังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์