ททท.ตลาดยุโรปปรับแผนรับมือผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจ มุ่งหาพันธมิตรกลุ่มทัวร์โอเปอเรเตอร์ จับมือร่วมกันทำตลาด จากเดิมเน้นเจาะตรงถึงลูกค้าเป้าหมาย พร้อมลดบทบาท การโปรโมตผ่านเว็บไซต์ เหลือ 30% เชื่อเป็นกลยุทธ์ที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับสู่ประเทศไทยได้เร็วที่สุด แต่ยังตั้งเป้าเมนเทนตัวเลขเดิม 6 ล้านคน ไม่เติบโตจากปีก่อน
นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคยุโรป การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้ปรับเปลี่ยนแผนการทำตลาดยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดผ่านทัวร์โอเปอเรเตอร์ และ คอร์ปอร์เรต ในสัดส่วนที่มากขึ้น จากเดิมที่จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดแบบตรงถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ทั้งนี้เพราะ มองว่าจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ส่งผลให้มีจำนวนคนตกงานเพิ่มมากขึ้น และ ประเทศอังกฤษ ขณะนี้ ค่าเงินปอนด์ก็อ่อนตัว ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินปอนด์ หล่นลงมาอยู่ที่ 50 บาท ต่อปอนด์ จากที่ผ่านมา เงินปอนด์จะอยู่ที่ 70 บาท ต่อ ปอนด์ ทำให้ นักท่องเที่ยว ที่เป็นเอ็นยูสเซอร์ หรือ กลุ่ม FIT ที่เดินทางด้วยตัวเอง อาจลดลง แต่ หาก ททท. มุ่งจับมือกับทัวร์โอเปอเรเตอร์ แชร์งบประมาณในการทำตลาดร่วมกัน ก็จะกำหนดเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวได้แน่นอนกว่า
"ทัวร์โอเปอเรเตอร์ จะรู้พฤติกรรม ความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่าเรา และเขา จะมีฐานสมาชิก ที่ติดต่อถึงกัน เพื่อนำเสนอแพกเกจทัวร์ในราคาที่น่าสนใจให้แก่ลูกค้า และ ททท.มองว่า การทำตลาดผ่านบริษัททัวร์ จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้เร็วกกว่า การ ทุ่มงบโฆษณาผ่านสื่อ เพราะ ขณะนี้ ก็ยังมีบ้างประเทศ ที่ยังไม่ยกเลิกคำสั่งเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ประกอบกับการเดินทางผ่านบริษัททัวร์ ก็จะได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยด้วย แต่หากเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาซ้ำ ซึ่งจะสัดส่วนมากถึง 60% จะรู้จักและเข้าใจประเทศไทยดี เขาก็จะไม่วิตกกังวล"
โดยหลักการ ททท.จะลดบทบาท การทำตลาดผ่านเว็บไซด์ โดยให้ความสำคัญสำหรับช่องทางนี้เหลือ 30% จากปกติ จะมีสัดส่วนเกือบ 50% ของงบโฆษณา โดยจะโยกงบมาจับมือกับบริษัทนำเที่ยวจัดโปรโมชั่นพิเศษ พร้อมโฆษณาผ่านบริษัทนำเที่ยว เพื่อถึงตัวลูกค้าที่เป็นสมาชิก สินค้าที่ จะนำเสนอ คือ หาดทราย ชายทะเล ชอปปิ้ง ตลอดจน กิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย เช่น แนวท่องเที่ยวผจญภัย เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกในครั้งต่อไปให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้บริการ และยังช่วยตอกย้ำความหลากหลายของสินค้า
ล่าสุด ได้ ทำสัญญากับกลุ่มห้างสรรพสินค้าในเขตกรุงเทพฯ อาทิ มาบุญครอง ,เซ็นทรัล และ สยามพารากอน เพื่อเตรียมจัดโปรโมชั่น ลดราคาสินค้า เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชอปปิ้ง เพราะ เชื่อว่า ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทุกคนต้องเลือกใช้จ่ายให้คุ้มกับเงินที่จ่าย ซึ่งสินค้าของประเทศไทย ยังมีราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับการชอปปิ้งซื้อสินค้าในประเทศอื่นๆ และ ยังตอกย้ำสโลแกน ของ ททท. ที่ว่า อะเมซิ่งไทยแลนด์ อะเมซิ่ง แวลู
นอกจากนั้น ยังเตรียมอีเว้นต์ ด้วยการจับมือกับ บริษัท ทราเวล โมด ในประเทศอังกฤษ สนับสนุน ทีมฟุตบอล Glen Toran ของประเทศ ไอส์แลนด์ จัดเดินสายแข่งขันฟุตบอล โดยจัดโปรแกรมเข้ามาประเทศไทยด้วย ซึ่งโครงการนี้ จะได้มีโอกาส ต้อนรับแฟนคลับของทีมฟุตบอลดังกล่าวไม่น้อยกว่า 400 คน ที่จะ เดินทางเข้ามาร่วมชมการแข่งขัน และถือโอกาสเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม นายธวัชชัย กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจกับตลาดยุโรปมากนัก เพราะเชื่อว่า ความหลากหลาย สวยงามของประเทศไทย และ ความคุ้มค่าเงิน ยังสามารถตอบโจทย์และดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวยุโรปให้เดินทางเข้ามาประเทศไทยได้แน่นอน เช่น กลุ่มตลาดสแกนดิเนเวีย รัสเซีย เป็นต้น โดยตลาดยุโรปจะเป็นเป็นช่วงฤดูไฮซีซั่นปลายปี และ ตามที่คาดการณ์ จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ของ หลายๆประเทศที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้เชื่อว่า ภายใน ครึ่งปีนี้ จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้เพื่อไม่ประมาณ ในปี 2552 ททท.จึงตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวตลาดยุโรปไว้เท่ากับเป้าของปี 2551 แต่ขณะนี้ตัวเลขยังอยู่ระหว่างการรวบรวม คาดว่าจะได้ได้ตามเป้าหมาย คือประมาณ 6 ล้านคนทั้งภูมิภาค โดยเน้นรักษาฐานตัวเลขนักท่องเที่ยวเดิม
นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคยุโรป การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ได้ปรับเปลี่ยนแผนการทำตลาดยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดผ่านทัวร์โอเปอเรเตอร์ และ คอร์ปอร์เรต ในสัดส่วนที่มากขึ้น จากเดิมที่จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดแบบตรงถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ทั้งนี้เพราะ มองว่าจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป ส่งผลให้มีจำนวนคนตกงานเพิ่มมากขึ้น และ ประเทศอังกฤษ ขณะนี้ ค่าเงินปอนด์ก็อ่อนตัว ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินปอนด์ หล่นลงมาอยู่ที่ 50 บาท ต่อปอนด์ จากที่ผ่านมา เงินปอนด์จะอยู่ที่ 70 บาท ต่อ ปอนด์ ทำให้ นักท่องเที่ยว ที่เป็นเอ็นยูสเซอร์ หรือ กลุ่ม FIT ที่เดินทางด้วยตัวเอง อาจลดลง แต่ หาก ททท. มุ่งจับมือกับทัวร์โอเปอเรเตอร์ แชร์งบประมาณในการทำตลาดร่วมกัน ก็จะกำหนดเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวได้แน่นอนกว่า
"ทัวร์โอเปอเรเตอร์ จะรู้พฤติกรรม ความต้องการของลูกค้าได้ดีกว่าเรา และเขา จะมีฐานสมาชิก ที่ติดต่อถึงกัน เพื่อนำเสนอแพกเกจทัวร์ในราคาที่น่าสนใจให้แก่ลูกค้า และ ททท.มองว่า การทำตลาดผ่านบริษัททัวร์ จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้เร็วกกว่า การ ทุ่มงบโฆษณาผ่านสื่อ เพราะ ขณะนี้ ก็ยังมีบ้างประเทศ ที่ยังไม่ยกเลิกคำสั่งเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ประกอบกับการเดินทางผ่านบริษัททัวร์ ก็จะได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยด้วย แต่หากเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาซ้ำ ซึ่งจะสัดส่วนมากถึง 60% จะรู้จักและเข้าใจประเทศไทยดี เขาก็จะไม่วิตกกังวล"
โดยหลักการ ททท.จะลดบทบาท การทำตลาดผ่านเว็บไซด์ โดยให้ความสำคัญสำหรับช่องทางนี้เหลือ 30% จากปกติ จะมีสัดส่วนเกือบ 50% ของงบโฆษณา โดยจะโยกงบมาจับมือกับบริษัทนำเที่ยวจัดโปรโมชั่นพิเศษ พร้อมโฆษณาผ่านบริษัทนำเที่ยว เพื่อถึงตัวลูกค้าที่เป็นสมาชิก สินค้าที่ จะนำเสนอ คือ หาดทราย ชายทะเล ชอปปิ้ง ตลอดจน กิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่หลากหลาย เช่น แนวท่องเที่ยวผจญภัย เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกในครั้งต่อไปให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้บริการ และยังช่วยตอกย้ำความหลากหลายของสินค้า
ล่าสุด ได้ ทำสัญญากับกลุ่มห้างสรรพสินค้าในเขตกรุงเทพฯ อาทิ มาบุญครอง ,เซ็นทรัล และ สยามพารากอน เพื่อเตรียมจัดโปรโมชั่น ลดราคาสินค้า เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชอปปิ้ง เพราะ เชื่อว่า ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทุกคนต้องเลือกใช้จ่ายให้คุ้มกับเงินที่จ่าย ซึ่งสินค้าของประเทศไทย ยังมีราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับการชอปปิ้งซื้อสินค้าในประเทศอื่นๆ และ ยังตอกย้ำสโลแกน ของ ททท. ที่ว่า อะเมซิ่งไทยแลนด์ อะเมซิ่ง แวลู
นอกจากนั้น ยังเตรียมอีเว้นต์ ด้วยการจับมือกับ บริษัท ทราเวล โมด ในประเทศอังกฤษ สนับสนุน ทีมฟุตบอล Glen Toran ของประเทศ ไอส์แลนด์ จัดเดินสายแข่งขันฟุตบอล โดยจัดโปรแกรมเข้ามาประเทศไทยด้วย ซึ่งโครงการนี้ จะได้มีโอกาส ต้อนรับแฟนคลับของทีมฟุตบอลดังกล่าวไม่น้อยกว่า 400 คน ที่จะ เดินทางเข้ามาร่วมชมการแข่งขัน และถือโอกาสเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม นายธวัชชัย กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจกับตลาดยุโรปมากนัก เพราะเชื่อว่า ความหลากหลาย สวยงามของประเทศไทย และ ความคุ้มค่าเงิน ยังสามารถตอบโจทย์และดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวยุโรปให้เดินทางเข้ามาประเทศไทยได้แน่นอน เช่น กลุ่มตลาดสแกนดิเนเวีย รัสเซีย เป็นต้น โดยตลาดยุโรปจะเป็นเป็นช่วงฤดูไฮซีซั่นปลายปี และ ตามที่คาดการณ์ จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ของ หลายๆประเทศที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้เชื่อว่า ภายใน ครึ่งปีนี้ จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้เพื่อไม่ประมาณ ในปี 2552 ททท.จึงตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวตลาดยุโรปไว้เท่ากับเป้าของปี 2551 แต่ขณะนี้ตัวเลขยังอยู่ระหว่างการรวบรวม คาดว่าจะได้ได้ตามเป้าหมาย คือประมาณ 6 ล้านคนทั้งภูมิภาค โดยเน้นรักษาฐานตัวเลขนักท่องเที่ยวเดิม