ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา เผยเหตุระเบิด 7 จุด 2 หัวเมืองใหญ่ ยังทำให้นักท่องเที่ยวแหยง แม้ว่าจะเข้าใจสถานการณ์ดี สุดเสียดายที่เกิดเหตุร้ายขณะกำลังฟื้นและเข้าสู่ช่วงไฮไลต์โกยเม็ดเงิน หวั่นคนมาเลย์เข้าหาดใหญ่ฉลองวันชาติน้อยกว่าทุกปีจนทำให้ทรุดลง ประกอบกับเพิ่งหมดโปรโมชันงานแกรนด์เซลส์ สินค้าและบริการ จวกขณะทุกฝ่ายดิ้นช่วยเหลือกันเองแต่รัฐบาลเล่นเกมซื้อเวลา หวังแก้รัฐธรรมนูญ ไร้เงา รมต.ดูดำดูดี ด้านกรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เขต 13 จี้สื่อรัฐเร่งประชาสัมพันธ์ จูงใจคนมาเลย์เที่ยวในวันชาติที่ สุไหงโก-ลก หลังพบว่าปีนี้มีแนวโน้มการท่องเที่ยวดีขึ้นในรอบ 4 ปี
แม้เหตุระเบิด 7 จุดในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่และเทศบาลนครสงขลาครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2551 จะมีอานุภาพต่ำ ทำให้มีผู้บาดเจ็บเพียงไม่กี่ราย โดยปราศจากผู้เสียชีวิตเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของเมืองหาดใหญ่ ซึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน โดยเฉพาะในวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันชาติของประเทศมาเลเซีย อันเป็นความหวังของผู้ประกอบการท่องเที่ยว ที่จะโกยรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียในช่วงวันหยุดยาว
นายสมชาติ พิมธนะพูนพร นายกสมาคมธุรกิจโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา เปิดเผยว่า แม้เหตุร้ายดังกล่าวเกิดห่างจากตัวเมืองหาดใหญ่ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศท่องเที่ยว ซึ่งเป็นช่วงที่มีการฟื้นตัวดีที่สุดในรอบ 4 ปี และหาดใหญ่กำลังเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ที่นิยมเดินทางมาพักผ่อนในวันฉลองเอกราชของมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินหลายสิบล้านบาทสะพัด ทำให้ช่วงเข้าสู่ไฮซีซันปีนี้บรรยากาศช่วงนี้ซบเซากว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนมาก
“จริงๆ แล้วเพื่อนบ้านก็รู้สถานการณ์ที่บ้านเรา ว่าไม่ได้มีอะไรที่น่ากลัว และเมื่อมีเหตุปุ๊บสื่อทางโน้นก็โทร.มาสัมภาษณ์โดยตรงไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่บังเอิญเหตุที่เกิดตรงกับช่วงที่การท่องเที่ยวหาดใหญ่กำลังฟื้นตัว ซึ่งมาจากความร่วมมือของหน่วยงานภาคเอกชน องค์กร และหน่วยงานราชการในท้องถิ่น ที่พยายามร่วมมือกันจัดกิจกรรมและเทศกาลต่างๆ ให้ยิ่งใหญ่ คึกคัก เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า แต่ขอให้มีบรรยากาศการท่องเที่ยวดี นักท่องเที่ยวก็จะกลับมาเอง” นายสมชาติกล่าว และว่า
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็ยังหวั่นวิตกว่า สิ้นเดือนสิงหาคมซึ่งเป็นช่วงขายของการท่องเที่ยวหาดใหญ่จะมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามามากขึ้นกว่าปีก่อนหรือไม่ เพราะนั่นบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นของบ้านเราด้วย ประกอบกับเป็นช่วงสิ้นสุดงานไทยแลนด์แกรนด์เซลส์ ซึ่งสถานบริการด้านท่องเที่ยวกว่า 100 แห่งร่วมใจกันลดค่าบริการ 10-70% เป็นเวลา 3 เดือนเต็ม อันเป็นแม่เหล็กสำคัญให้เข้ามากิน เที่ยว ชอปปิ้งมากกว่าปกติ แต่หากผลกระทบทำให้การฉลองวันประกาศเอกราชของชาวมาเลเซียที่หาดใหญ่ซบเซา หาดใหญ่ก็จะขาดช่วงจากกิจกรรมท่องเที่ยว 1 เดือนเต็ม และต้องหวังอีกครั้งว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในเดือนต่อๆ ไป คือตุลาคมซึ่งมีงานถือศีลกินผัก และประเพณีการลอยกระทง งานหาดใหญ่มิดไนต์ เคานต์ดาวน์ในเดือนถัดไปตามลำดับเท่านั้น
นายสมชาติ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามยังคงสู้ต่อไปต่อปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมายังหาความจริงจังและต่อเนื่องของรัฐมนตรีและรัฐบาลที่จะเข้ามาช่วยเหลือไม่ได้ โดยเฉพาะรัฐบาลชุดนี้ที่ไม่เคยลงมาดูแลผู้ประกอบการ แต่วุ่นอยู่กับการแก้ไขปัญหาส่วนตัว ทั้งการจัดสรรตำแหน่ง แก้รัฐธรรมนูญ และยื้อเวลาที่จะบริหารประเทศ ผู้ประกอบการจึงต้องช่วยเหลือกันเอง รวมถึงหน่วยงานราชการในท้องถิ่นทั้งเทศบาลและ อบจ. ซึ่งพยายามจัดสรรเม็ดเงินมาช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ และฝากความหวังไว้กับ ททท.ซึ่งแต่ละปีไม่ได้มีงบประมาณมากมาย แต่ต้องช่วยเหลือดูแลปัญหาให้แก่หาดใหญ่ ซึ่งเดือดร้อนกว่าท้องที่อื่นเป็นพิเศษ
“ตอนนี้หน่วยงานการท่องเที่ยวของจังหวัดก็ยุบไปแล้ว ก็ต้องพึ่งหวัง ททท. ซึ่งมีหน้าที่แค่ช่วยประชาสัมพันธ์และทำการตลาดให้ แต่ก็ต้องดูท่าทีอีกครั้งว่าจะมีกิจกรรมอื่นๆ จัดขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงหลังเกิดเหตุหรือไม่ ขณะที่ปัญหาอื่นๆ ทั้งเรื่องการคมนาคมยังไม่มีใครสามารถแก้ไขได้ ซึ่งในเดือนตุลาคมจะครบ 1 ปีที่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่กลายเป็นสนามบินท้องถิ่นแล้ว แทนที่จะได้นักท่องเที่ยวจากสิงคโปร์ อินโดนีเซียเพิ่ม เขาก็หันไปเที่ยวที่อื่นแทน เพราะถ้ามาหาดใหญ่มีทางเลือกเดียว คือ ต้องนั่งรถบัส ส่วนสายการบินท้องถิ่นอย่างนกแอร์ก็เลิกเที่ยวบินหาดใหญ่-ภูเก็ต ไปแล้วเพราะขาดทุน” นายสมชาติกล่าว
ด้านนายอับดุลอายิ อาแวสือแม กรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เขต 13 เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส คาดหวังว่าจะได้รับอานิสงส์ การท่องเที่ยวช่วงวันชาติของมาเลเซีย ทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวคึกคักกว่าปีก่อนๆ ประกอบกับคนไทยมุสลิม ซึ่งทำงานที่มาเลเซียก็ถือโอกาสเดินทางมาเยี่ยมญาติด้วย
ปีนี้กิจการด้านการท่องเที่ยวของ อ.สุไหงโก-ลก มีสัญญาณฟื้นตัวที่ดีเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา เพราะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียหันมาพักผ่อนมากขึ้น โดยโรงแรมในตัวเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส กว่า 40 แห่งประมาณ 3,500 ห้อง เต็มทั้ง 4 วัน โดยมีราคาห้องประมาณ 350-1,200 บาท จึงถือเป็นช่วงนาทีทองของจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนมาเลเซีย
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการท่องเที่ยวจะใช้เวลาสั้นลง โดยส่วนใหญ่ใช้บริการของโรงแรมเป็นหลัก เพราะมีการรักษาความปลอดภัยเป็นพิเศษ ทั้งการเข้าพัก รับประทานอาหารในโรงแรม และใช้บริการสถานบันเทิง โดยไม่นิยมออกไปใช้บริการภายนอก แต่หากจะจับจ่ายซื้อของก็ใช้เวลาในการเดินน้อยลง ขณะที่ความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยต้องอาศัยสื่อจากภาครัฐในการประชาสัมพันธ์อีกทางหนึ่งด้วย
นายอับดุลอายิ กล่าวต่อด้วยว่า ปัจจุบันการเดินทางมาเที่ยวยังสุไหง โก-ลก สะดวกสบายขึ้นมากแล้ว จากการเปิดสะพานใหม่บูเก๊ะตา เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2550 ซึ่งก่อสร้างด้วยงบประมาณ 95 ล้านบาท เชื่อมโยงระหว่าง บ.บูเก๊ะตา อ.แว้ง จ.นราธิวาส กับบ้านบูกิตบุหงา รัฐกลันตัน เหลือเพียงแต่การประชาสัมพันธ์สู่กลุ่มเป้าหมายให้ไว้วางใจเข้ามาพักผ่อนมากๆ ซึ่งต้องอาศัยทั้งสื่อวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย สวท.นราธิวาส ยะลา นราธิวาส และสตูล เพราะกระจายเสียงได้ไกลถึงรัฐตรังกานู เปรัก กลันตัน และเคดะห์ ปะลิส
จากช่วงเหตุการณ์ปกติปี 2546 พบว่า มีตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังสุไหง-โก-ลก ราว 1.4 ล้านคน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ ทำให้เสียดุลการค้าและการท่องเที่ยว ทั้งคนไทยเองก็หนีไปอยู่ใน 4 จังหวัดชายแดนของมาเลเซียแทน ทำให้บริษัททัวร์รายใหญ่ที่เคยมีราว 12 แห่ง ต้องปิดตัวเองลงเหลือเพียง 3 แห่งเท่านั้น ไม่รวมกับโรงแรมที่ต้องปิดกิจการอีกด้วย ผลกระทบในห้วงเวลาดังกล่าวขยายวงกว้างจนไม่สามารถประมาณการค่าความสูญเสียเป็นตัวเงินได้