เอ็มบีเค เปิดแผนบุกปี 2552 สวมบทเชิงรุก ตั้งเป้าหมายรายได้รวมโต 3% ประกาศงบลงทุน 2,000 ล้านบาท ทั้งเดินหน้าต่อ-เบรกบางโครงการ แตกไลน์ธุรกิจรับบริหารรับคอมมูนิตีมอลล์เฟื่อง อัดงบตลาด 100 ล้าน กระตุ้นดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติคืน
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในปี 2552 บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการลงทุนในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ตั้งเป้าหมายว่าภาพรวมของบริษัทจะต้องมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 3% หรือไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยโรงแรมมีสัดส่วนรายได้ 18% ศูนย์การค้า 30% ที่เหลืออื่นๆ เช่น สนามกอล์ฟ ข้าวถุง เป็นต้น
ส่วนการลงทุนนั้นก็จะมีทั้งการดำเนินการต่อและการชะลอบางโครงการ ซึ่งในภาวการณ์แบบนี้เราต้องเลือกทำ รวมทั้งการขยายธุรกิจที่มีความชำนาญด้วย ภายใต้งบประมาณลงทุนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท
“ปัจจุบัน ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและเหตุการทางการเมืองที่มีความผันผวนจนเป็นเหตุให้ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยลดลงรวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาในไทยลดลงไปด้วย ส่งผกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ศูนย์การค้า ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจสนามกอล์ฟ เป็นต้น ซึ่งธุรกิจส่วนใหญ่ของบริษัทฯก็เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ดังนั้นในปี 2552 เราจึงต้องปรับกลยุทธ์ใหม่”
โดยหลักๆ แล้ว โครงการที่จะดำเนินการต่อ เช่น โครงการสร้างศูนย์การค้าขนาดย่อม หรือคอมมูนิตีมอลล์ ที่ พรีเมียร์พระราม 9 เดิม พื้นที่ประมาณ 14 ไร่ ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท โครงการปรับปรุงศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ที่บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา คาดว่า ต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โครงการสร้างโรงแรมระดับ 3 ดาว ในสนามกอล์ฟ คอร์สภูเก็ต โครงการปรับปรุงห้องพักที่โรงแรมปทุมวันปริ้นเซส โครงการสนามกอล์ฟที่ปทุมธานี ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้
ขณะที่โครงการที่คาดว่าจะชะลอออกไปก่อน เช่น โครงการสร้างโรงแรมที่เกาะสมุย ระดับ 5 ดาว จำนวนกว่า 80 ห้อง มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท โครงการพัฒนาที่ดินเพื่อขาย ซึ่งบริษัทมีที่ดินหลายแปลงเช่นที่ปทุมธานี 300 กว่าไร่ ที่ภูเก็ตมากกว่า 200 ไร่ เป็นต้น และมีโอกาสในการลงทุนในการซื้อทรัพย์สินที่มีผู้มาเสนอขายในราคาที่คุ้มค่ากับการลงทุน
นายสุเวทย์ กล่าวต่อว่า ล่าสุด บริษัทได้ขยายธุรกิจรับบริหารจัดการศูนย์การค้า หรือการบริหารพื้นที่เช่า เพื่อเป็นการสร้างรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง และเพื่อรองรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าสู่ธุรกิจศูนย์การค้า แต่ไม่มีประสบการณ์และความพร้อมในการบริหารจัดการ ซึ่งบริษัทแบ่งขอบเขตออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.ช่วงก่อนเปิดดำเนินการ เริ่มตั้งแต่ศึกษาทำเล ที่ตั้ง รูปแบบการลงทุน แนวคิด ออกแบบ ก่อสร้าง วางระบบต่างๆ 2.ช่วงเปิดดำเนินการแล้ว ให้บริการด้านการตลาด การขาย ประชาสัมพันธ์ แบ็กออฟฟิศ ระบบจัดการต่างๆ โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายศูนย์การค้าแบบคอมมูนิตีมอลล์ที่มีที่ตั้งในเขตกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น
“เรามั่นใจกับธุรกิจใหม่นี้เพราะประสบการณ์บริหารเอ็มบีเคเซ็นเตอร์นานกว่า 25 ปี ของบริษัท มีคนเข้าเฉลี่ย 100,000 คนต่อวัน และเรายังมีธุรกิจอื่นในเครือรวมกว่า 30 แห่ง จึงทำให้บริษัทมีความเชี่ยวชาญเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจบริหาร ประกอบกับไลฟ์สไตล์คนในเมืองปัจจุบันและภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายซื้อสินค้าในสถานที่ใกล้เคียงที่อยู่อาศัย จะทำให้คอมมูนิตีมอลล์มีการเติบโตที่ดี
นายวินัย ศรีชอบธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายการตลาด กล่าวว่า แผนการตลาดเอ็มบีเค ปี 2552 จะทำเชิงลึก มุ่งเจาะไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติมากขึ้น คาดหวังให้ลูกค้าต่างชาติกลับมาเหมือนเดิม ภายใต้งบการตลาด 100 ล้านบาท เนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง กระทบต่อลูกค้าที่เข้าใช้บริการในเอ็มบีเคลดลงไปด้วย
แผนดำเนินการคร่าวๆ เช่น ปรับปรุงพื้นที่ภายในอาคาร ลิฟต์ บันไดเลื่อน ทางเชื่อมสะพานลอย ลานกิจกรรม การนำสื่อประชาสัมพันธ์ไปโรดโชว์ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในต่างประเทศ การเพิ่มภาษาต่างประเทศมากขึ้นเข้าไปในเว็บไซต์ ที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยว การนำกลยุทธ์ซีเอสอาร์มาใช้มากขึ้น เพื่อสร้างคอร์ปอเรตแบรนด์ นำซีอาร์เอ็ม มาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าให้กับร้านค้าในศูนย์ การทำพาร์คกิ้งคอลล์ คือ โทร.มาจองที่จอดรถเป็นต้น ตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้ของธุรกิจศูนย์การค้า 4%
นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในปี 2552 บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการลงทุนในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ตั้งเป้าหมายว่าภาพรวมของบริษัทจะต้องมีรายได้เติบโตเฉลี่ย 3% หรือไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยโรงแรมมีสัดส่วนรายได้ 18% ศูนย์การค้า 30% ที่เหลืออื่นๆ เช่น สนามกอล์ฟ ข้าวถุง เป็นต้น
ส่วนการลงทุนนั้นก็จะมีทั้งการดำเนินการต่อและการชะลอบางโครงการ ซึ่งในภาวการณ์แบบนี้เราต้องเลือกทำ รวมทั้งการขยายธุรกิจที่มีความชำนาญด้วย ภายใต้งบประมาณลงทุนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท
“ปัจจุบัน ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและเหตุการทางการเมืองที่มีความผันผวนจนเป็นเหตุให้ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยลดลงรวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาในไทยลดลงไปด้วย ส่งผกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ศูนย์การค้า ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจสนามกอล์ฟ เป็นต้น ซึ่งธุรกิจส่วนใหญ่ของบริษัทฯก็เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ดังนั้นในปี 2552 เราจึงต้องปรับกลยุทธ์ใหม่”
โดยหลักๆ แล้ว โครงการที่จะดำเนินการต่อ เช่น โครงการสร้างศูนย์การค้าขนาดย่อม หรือคอมมูนิตีมอลล์ ที่ พรีเมียร์พระราม 9 เดิม พื้นที่ประมาณ 14 ไร่ ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท โครงการปรับปรุงศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ที่บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา คาดว่า ต้องใช้งบไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท โครงการสร้างโรงแรมระดับ 3 ดาว ในสนามกอล์ฟ คอร์สภูเก็ต โครงการปรับปรุงห้องพักที่โรงแรมปทุมวันปริ้นเซส โครงการสนามกอล์ฟที่ปทุมธานี ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้
ขณะที่โครงการที่คาดว่าจะชะลอออกไปก่อน เช่น โครงการสร้างโรงแรมที่เกาะสมุย ระดับ 5 ดาว จำนวนกว่า 80 ห้อง มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท โครงการพัฒนาที่ดินเพื่อขาย ซึ่งบริษัทมีที่ดินหลายแปลงเช่นที่ปทุมธานี 300 กว่าไร่ ที่ภูเก็ตมากกว่า 200 ไร่ เป็นต้น และมีโอกาสในการลงทุนในการซื้อทรัพย์สินที่มีผู้มาเสนอขายในราคาที่คุ้มค่ากับการลงทุน
นายสุเวทย์ กล่าวต่อว่า ล่าสุด บริษัทได้ขยายธุรกิจรับบริหารจัดการศูนย์การค้า หรือการบริหารพื้นที่เช่า เพื่อเป็นการสร้างรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง และเพื่อรองรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าสู่ธุรกิจศูนย์การค้า แต่ไม่มีประสบการณ์และความพร้อมในการบริหารจัดการ ซึ่งบริษัทแบ่งขอบเขตออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.ช่วงก่อนเปิดดำเนินการ เริ่มตั้งแต่ศึกษาทำเล ที่ตั้ง รูปแบบการลงทุน แนวคิด ออกแบบ ก่อสร้าง วางระบบต่างๆ 2.ช่วงเปิดดำเนินการแล้ว ให้บริการด้านการตลาด การขาย ประชาสัมพันธ์ แบ็กออฟฟิศ ระบบจัดการต่างๆ โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายศูนย์การค้าแบบคอมมูนิตีมอลล์ที่มีที่ตั้งในเขตกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น
“เรามั่นใจกับธุรกิจใหม่นี้เพราะประสบการณ์บริหารเอ็มบีเคเซ็นเตอร์นานกว่า 25 ปี ของบริษัท มีคนเข้าเฉลี่ย 100,000 คนต่อวัน และเรายังมีธุรกิจอื่นในเครือรวมกว่า 30 แห่ง จึงทำให้บริษัทมีความเชี่ยวชาญเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจบริหาร ประกอบกับไลฟ์สไตล์คนในเมืองปัจจุบันและภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายซื้อสินค้าในสถานที่ใกล้เคียงที่อยู่อาศัย จะทำให้คอมมูนิตีมอลล์มีการเติบโตที่ดี
นายวินัย ศรีชอบธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายการตลาด กล่าวว่า แผนการตลาดเอ็มบีเค ปี 2552 จะทำเชิงลึก มุ่งเจาะไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติมากขึ้น คาดหวังให้ลูกค้าต่างชาติกลับมาเหมือนเดิม ภายใต้งบการตลาด 100 ล้านบาท เนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมาทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง กระทบต่อลูกค้าที่เข้าใช้บริการในเอ็มบีเคลดลงไปด้วย
แผนดำเนินการคร่าวๆ เช่น ปรับปรุงพื้นที่ภายในอาคาร ลิฟต์ บันไดเลื่อน ทางเชื่อมสะพานลอย ลานกิจกรรม การนำสื่อประชาสัมพันธ์ไปโรดโชว์ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในต่างประเทศ การเพิ่มภาษาต่างประเทศมากขึ้นเข้าไปในเว็บไซต์ ที่เกี่ยวกับนักท่องเที่ยว การนำกลยุทธ์ซีเอสอาร์มาใช้มากขึ้น เพื่อสร้างคอร์ปอเรตแบรนด์ นำซีอาร์เอ็ม มาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าให้กับร้านค้าในศูนย์ การทำพาร์คกิ้งคอลล์ คือ โทร.มาจองที่จอดรถเป็นต้น ตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้ของธุรกิจศูนย์การค้า 4%
