ส.อ.ท.เสนอรัฐนำงบ 2.5 หมื่นล้านบาท แก้ปัญหาการว่างงาน ระบุ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมเสี่ยงสูง เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเลกทรอนิกส์ ยานยนต์ หากแก้ไม่ทัน อาจตกงานถึง 9 แสนคน ขณะที่สภาพคล่อง 1.2 ล้านล้านบาท หายไปกว่าครึ่ง สัญญาณเตือน หมดเวลาฮันนีมูน-เร่งปั๊มเงินใส่รากหญ้าทันที
วันนี้ (06 มกราคม 2552) นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ที่มีการคาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.5-2.5 เป็นตัวเลขที่น่าหนักใจ เพราะหากอัตราการขยายตัวลงมาใกล้ร้อยละ 0 เท่ากับเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งจะมีผลทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมหลักของไทย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเลกทรอนิกส์ และยานยนต์ หดตัวตามไปด้วย
นายธนิต กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล่านี้มีการจ้างงานจำนวนมาก ทำให้ปีนี้ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับปัญหาการว่างงาน โดยประเมินว่า ไตรมาสแรก ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะเติบโตร้อยละ 0.5-1.0 การว่างงานจะอยู่ที่ร้อยละ 1.8 หรือคิดเป็น 630,000 คน ไตรมาส 2 ประเมินว่า อัตราการขยายตัวจะอยู่ที่ร้อยละ 0 ทำให้การว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 2.5 หรือประมาณ 900,000 คน
รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ปัญหาการว่างงานให้ตรงจุด โดยเสนอแนะให้นำงบประมาณ 25,000 ล้านบาท ของคณะกรรมการแก้ปัญหาการว่างงานมาลงทุนจ้างงานในภาคชนบท และจับคู่แรงงานป้อนให้อุตสาหกรรมที่ยังต้องการแรงงานอย่างรวดเร็วที่สุด
นอกจากนี้ ยังกังวลเรื่องสภาพคล่อง เนื่องจากขณะนี้สภาพคล่องของระบบการเงินลดลงจาก 1.2 ล้านล้านบาท เหลือ 400,000-500,000 ล้านบาท ต่ำกว่าสภาพที่ควรจะเป็นอยู่ที่ 500,000-600,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นปัญหาอาจทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก จึงเสนอรัฐบาลตั้งกองทุนเอสเอ็มอี 50,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องแก่ธุรกิจเหล่านี้
ขณะเดียวกัน ยังเป็นห่วงความวุ่นวายทางการเมือง ซึ่งปีนี้รัฐบาลจะต้องเผชิญกับปัญหาการประท้วงจากทางการเมือง ปัญหาการว่างงาน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล
“รัฐบาลไม่มีเวลาฮันนีมูน ดังนั้น ต้องเร่งอัดฉีดงบประมาณกลางปีให้ถึงกลุ่มรากหญ้าให้เร็วที่สุด รวมทั้งระบบจัดการป้องกันการรั่วไหล และมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจน”
