ปตท.ยอมรับปี 51 กำไรต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากต้นปีราคาน้ำมันพุ่ง "ประเสริฐ" ยันรายได้ยังเติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นธุรกิจผูกขาด แต่ขาดทุนโรงกลั่น เตรียมหาจังหวะปรับลดราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ หลังราคาตลาดโลกปรับลงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวยอมรับว่าในปี 2551 ปตท.จะมีกำไรสุทธิลดลงจากปี 2550 เนื่องจากบริษัทขาดทุนจากธุรกิจโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ส่วนธุรกิจปิโตรเคมี คาดว่าในปี 2551 ยังมีกำไรเป็นบวก แม้ราคาขายปิโตรเคมีไม่สูงเท่ากับปี 2550 ในส่วนของรายได้ก็มั่นใจว่าจะยังเติบโต
อย่างไรก็ดี มั่นใจว่า รายได้ปีนี้จะดีกว่าปีก่อน เพราะในช่วงครึ่งปีแรกทิศทางของราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่บริษัทยังไม่มีการล้มแผนซื้อหุ้นคืน แต่ขณะนี้คงต้องชะลอแผนออกไปก่อน เนื่องจากราคาหุ้นขณะนี้รีบาวนด์ขึ้นมา ขณะเดียวกัน ก็จะขอพิจารณากฎเกณฑ์ต่างๆ จากตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงกฎเกณฑ์อื่นๆ ของกระทรวงพาณิชย์ประกอบด้วย
นายประเสริฐ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ ทางบริษัทอาจมีการพิจารณาปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มปรับตัวลดลง สำหรับปี 2552 ยังประเมินว่า ราคาน้ำมันจะยืนเหนือ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนการที่ราคาน้ำมันปรับลดลงแรงในช่วงนี้เหลือเพียง 30-40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถือว่าต่ำมาก และมองว่าคงเป็นแค่ระยะชั่วคราวเท่านั้น
“ผมมองว่าปีหน้า ผู้ผลิตรายใหม่ๆ คงไม่สามารถแบกรับราคาที่ 40 ดอลลาร์ต่อบาเรลได้ เนื่องจากต้นทุนของผู้ผลิตน้ำมันรายใหม่ๆ จะอยู่ประมาณ 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล”
สำหรับการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันในสัปดาห์นี้ คาดว่า นายประเสริฐ ระบุว่า ปตท.อาจมีการปรับลดลงหลังจากวันนี้ เนื่องจากราคาในตลาดโลกปรับตัวลดลง และแต่ต้องขอรอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง
ส่วนในเรื่องการปรับเพิ่มราคาก๊าซเอ็นจีวี (NGV) ที่จะเริ่มในวันที่ 1-2 มกราคม 2552 ตามแผนเดิมนั้น ขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้มีการพิจารณาปรับขึ้น ต้องรอคุยกับรัฐบาลใหม่ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หลังการเข้ารับตำแหน่งของรัฐมนตรี แต่ก็ต้องการให้รัฐบาลเห็นใจ ปตท.ที่ต้องแบกภาระต้นทุน NGV โดยเฉพาะปี 2551 บริษัทแบกภาระต้นทุนไว้ 3-4 พันล้านบาท และยังมีภาระ LPG อีกแม้ว่าราคาในตลาดโลกจะปรับลดลง แต่ที่ผ่านมา ปตท.แบกรับภาระไว้เยอะมาก
ส่วนแผนการซื้อหุ้นคืน คงต้อชะลอออกไปก่อน เนื่องจากตอนนี้ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่น่าพอใจและเหมาะสมกับสถานการณ์และภาวะปัจจุบันแล้ว ประกอบกับที่ผ่านมาการแก้ไขกฎเกณฑ์การซื้อหุ้นคืนจากกระทรวงพาณิชย์ยังไม่เรียบร้อย จึงเห็นว่า ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อหุ้น แต่ถ้าหากราคาหุ้นตกต่ำไปมาก การซื้อหุ้นคืนก็จะถูกนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง เพราะว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องราคาปรับลดลงต่ำกว่าราคาพื้นฐาน
นอกจากนี้ นายประเสริฐ กล่าวในฐานะนายกสมาคมบริษัทจดทะเบียน กล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรีไปเยี่ยมตลาดหลักทรัพย์ และสอบถามถึงข้อปัญหา ทางตนได้ย้ำถึงแผนพัฒนาตลาดทุนที่ดำเนินการค้างอยู่ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีจะรับไปพิจารณา และการที่มารับฟังความคิดเห็นในวันนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ทั้งสถาบันรายย่อยและนักลงทุนต่างประเทศ ที่นายกรัฐมนตรีมาเยี่ยมก่อนเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ถือว่าเป็นการให้ความสำคัญกับตลาดทุนมาก
