xs
xsm
sm
md
lg

ส.อ.ท.มั่นใจ "มาร์ค" โชว์กึ๋นผู้นำเวทีอาเซียน หอการค้าฯ รุดหารือ 19 ธ.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีร่วมประชุมกับคณะผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่ศุนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.
ประธาน ส.อ.ท. พอใจผลหารือร่วมนายกรัฐตรี ประเมินผลให้ 8-9 คะแนน มั่นใจเดือน ม.ค. 52 ฟื้นความเชื่อมั่นได้ หลังไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ขณะที่ สภาหอการค้าฯ เตรียม 5 หัวข้อสำคัญหารือ “อภิสิทธิ์” วันที่ 19 ธ.ค.นี้ แนะบทเรียนรัฐบาลนอมินี แก้ปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว เพราะผู้นำขาดการเอาใจใส่จริงจัง และไม่ได้ลงมาดูแล และร่วมตัดสินใจกับภาคเอกชน

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจไทยและรับมือผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจโลก เมื่อวานนี้ (18 ธันวาคม 2551) โดยระบุว่า ข้อเสนอของภาคเอกชนที่ทาง ส.อ.ท. เสนอต่อรัฐบาลไปนั้น ส่วนใหญ่ตรงกับนโยบายของรัฐบาล ที่จะมีการดำเนินการอยู่แล้ว รวมถึงจะมีการเตรียมจัดตั้งคณะกรรมการโดยเฉพาะในการดูแลเศรษฐกิจ

นายสันติ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า การที่นายกรัฐมนตรี ลงมาดูแลด้านเศรษฐกิจด้วยตัวเอง จะทำให้การดำเนินการต่างๆ เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว พร้อมระบุว่า หากภาครัฐและภาคเอกชน มีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง ภาคธุรกิจเชื่อว่า จะเป็นผลดีต่อประเทศ ซึ่งจากการหารือในวันนี้สร้างความพอใจได้อย่างมาก ตีเป็นคะแนน ตนจะประเมินให้สูงถึง 8-9 คะแนน

นอกจากนี้ ประเด็นในการจัดประชุมอาเซียน มั่นใจว่า ไทยมีความพร้อม และสามารถจัดประชุมได้ภายในปลายเดือนมกราคม 2552 แน่นอน และเชื่อว่า การประชุมในครั้งนี้ จะเป็นการประชุมระดับนานาชาติที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า การดำเนินการของรัฐบาลชุดนี้ จะลบคำว่าเชื่องช้าออกไปได้

ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะจะมาหารือกับคณะกรรมการบริหารสภาหอการค้าฯ ซึ่งสภาหอการค้าฯ ได้เตรียมประเด็นปัญหาทางเศรษฐกิจหลักๆ เอาไว้ 5 หัวข้อ เพื่อหารือกับนายกรัฐมนตรี

นายประมนต์ กล่าวถึงรายละเอียด 5 หัวข้อที่สภาหอการค้าฯ เตรียมไว้หารือ ประกอบด้วย 1.สร้างความน่าเชื่อถือของรัฐบาล การตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ (ครม.) ต้องเป็นผู้ที่มีประสิทธิภาพ ทำงานเป็นทีม เพราะที่ผ่านมาทีมเศรษฐกิจประสานงานไม่ค่อยดี หากทำได้ ภาคเอกชนยินดีจะร่วมกับภาครัฐออกไปประชาสัมพันธ์ถึงความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในต่างประเทศ 2.ให้รัฐบาลใช้กฎหมายให้มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีความเป็นธรรม และหากมีการชุมนุมก็ต้องอยู่ในกติกาที่เหมาะสม สงบ สันติ อหิงสา ไม่ก่อเหตุรุนแรงในลักษณะอันธพาล

3.รัฐบาลจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจซบเซามาก รัฐบาลต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร็วและแรงภายใน 3-6 เดือน โดยใช้มาตรการการคลังการเงิน เพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบสู่มือผู้บริโภคโดยเร็ว ดังนั้น มาตรการที่ออกมา 3 เดือน จะต้องทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงรายได้มากขึ้น สำหรับงบกลางปีอีก 100,000 ล้านบาทนั้น ต้องจัดทำโครงการเพื่อให้เงินไปถึงผู้บริโภคโดยตรงและไม่ล่าช้า อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลมีรายได้จากจัดเก็บภาษีเป็นไปตามเป้าหมายอาจจะเพิ่มวงเงินงบกลางปี ก็จะเป็นเรื่องที่ดี

4.เดินหน้าแก้ปัญหาการว่างงาน เพราะขณะนี้ผู้ใช้แรงงานมีความเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจซบเซาจะทำให้เลิกจ้างมากขึ้น ดังนั้น ภาครัฐและเอกชนน่าจะพิจารณาร่วมกันให้มีการเลิกจ้างน้อยลง หรือชะลอไม่ให้มีการเลิกจ้าง โดยภาครัฐอาจจัดสรรงบประมาณบางส่วนช่วยเหลือหรือให้เงินชดเชย และลดภาษีให้กับภาคธุรกิจ เพื่อจูงใจไม่ให้เลิกจ้าง

ประการที่ 5.ต้องการเห็นความร่วมมือทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งระบบที่เคยทำ คือ คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ส่วนการที่รัฐบาลจะตั้งทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจนั้น ภาคเอกชนอยากให้มีผู้แทนภาคเอกชนร่วมในทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจ เพื่อให้สามารถติดต่อประสานงานกับภาคเอกชนประจำ ไม่ใช่ 3 เดือนครั้ง







กำลังโหลดความคิดเห็น