ภาคเอกชน หนุนการเมืองต้องเปลี่ยนขั้ว พร้อมเปรียบเทียบ “อภิสิทธิ์-โอบามา” นำการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่ดีขึ้น สร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศได้ พร้อมคาดหวังตัวเลขส่งออกปีหน้าจะโตได้ 10%
วันนี้ (09 ธันวาคม 2551) นายสมศักดิ์ ศรีสุภรวาณิชย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทอผ้าไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะมีการเปลี่ยนขั้วพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลมาเป็นขั้วของพรรคประชาธปัตย์ เพราะจะได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศ โดยมองว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สร้างความเชื่อมั่นได้ เช่นเดียวกับนายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่คาดว่า จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดี ก็อาจจะทำให้ความเชื่อมั่นทั้งใน และต่างประเทศดีขึ้น และอาจจะทำให้การส่งออกกลุ่มสิ่งทอและเสื้อผ้า ขยายตัวปีหน้าได้ร้อยละ 10 จากที่ภาวะปกติปีหน้าคาดจะส่งออกได้ร้อยละ 5
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กลุ่มเสื้อผ้าและสิ่งทอ ที่มั่นใจว่า การส่งออกจะขยายตัวแม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว ก็เนื่องมาจากการทำตลาดใหม่หลายแห่ง เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง ทำให้ส่งออกดีขึ้น รวมถึงการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับญี่ปุ่น ทำให้กลุ่มญี่ปุ่นหันมาซื้อสินค้าจากเมืองไทยมากขึ้น ประกอบกับ จีน มีปัญหาเรื่องเมลามีน ยิ่งทำให้ลูกค้าญี่ปุ่นกลับมาซื้อจากไทยเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้การส่งออกขยายตัวประมาณร้อยละ 5-7 มีมูลค่าประมาณ 7,200 ล้านดอลลาร์ เมื่อภาพรวมเป็นเช่นนี้ จึงขอยืนยันว่า กลุ่มสิ่งทอไม่มีการปลดคนงาน โดยปัจจุบันมีคนงานประมาณ 1 ล้านคน และขาดแคลนแรงงานประมาณ 100,000 คน
นางกัณญภัค ตันติพัฒน์พงศ์ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมอาหาร กล่าวว่า คาดการณ์ว่า การส่งออกอาหารปีหน้ามูลค่าจะลดลงประมาณร้อยละ 5 จากที่ปีนี้ขยายตัวร้อยละ 30 มียอดส่งออกประมาณ 800,000 ล้านบาท ที่ส่งออกมีมูลค่าลดลง ก็เนื่องจากราคาปรับตัวลดลง และคาดว่าการส่งออกข้าวจะลดลงด้วย เพราะอินเดีย จีน เวียดนาม เริ่มกลับมาผลิตได้เพิ่มมากขึ้น
ส่วนเรื่องของการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลนั้น หากทำให้เกิดความมั่นใจได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ กลุ่มเอกชนได้กล่าวในระหว่างการสัมมนา โครงการศูนย์พัฒนาผู้เชี่ยวชาญการอนุรักษ์พลังงานเฉพาะด้านในอุตสาหกรรมสิ่งทอและอาหาร โดยโครงการนี้ คาดหวังว่า จะทำให้ช่วยลดต้นทุนภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้สัดส่วนสูงที่สุดของประเทศ โดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 38 หากลดต้นทุนได้ก็จะทำให้เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
วันนี้ (09 ธันวาคม 2551) นายสมศักดิ์ ศรีสุภรวาณิชย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทอผ้าไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะมีการเปลี่ยนขั้วพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลมาเป็นขั้วของพรรคประชาธปัตย์ เพราะจะได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศ โดยมองว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สร้างความเชื่อมั่นได้ เช่นเดียวกับนายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่คาดว่า จะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดี ก็อาจจะทำให้ความเชื่อมั่นทั้งใน และต่างประเทศดีขึ้น และอาจจะทำให้การส่งออกกลุ่มสิ่งทอและเสื้อผ้า ขยายตัวปีหน้าได้ร้อยละ 10 จากที่ภาวะปกติปีหน้าคาดจะส่งออกได้ร้อยละ 5
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กลุ่มเสื้อผ้าและสิ่งทอ ที่มั่นใจว่า การส่งออกจะขยายตัวแม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว ก็เนื่องมาจากการทำตลาดใหม่หลายแห่ง เช่น แอฟริกา ตะวันออกกลาง ทำให้ส่งออกดีขึ้น รวมถึงการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับญี่ปุ่น ทำให้กลุ่มญี่ปุ่นหันมาซื้อสินค้าจากเมืองไทยมากขึ้น ประกอบกับ จีน มีปัญหาเรื่องเมลามีน ยิ่งทำให้ลูกค้าญี่ปุ่นกลับมาซื้อจากไทยเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้การส่งออกขยายตัวประมาณร้อยละ 5-7 มีมูลค่าประมาณ 7,200 ล้านดอลลาร์ เมื่อภาพรวมเป็นเช่นนี้ จึงขอยืนยันว่า กลุ่มสิ่งทอไม่มีการปลดคนงาน โดยปัจจุบันมีคนงานประมาณ 1 ล้านคน และขาดแคลนแรงงานประมาณ 100,000 คน
นางกัณญภัค ตันติพัฒน์พงศ์ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมอาหาร กล่าวว่า คาดการณ์ว่า การส่งออกอาหารปีหน้ามูลค่าจะลดลงประมาณร้อยละ 5 จากที่ปีนี้ขยายตัวร้อยละ 30 มียอดส่งออกประมาณ 800,000 ล้านบาท ที่ส่งออกมีมูลค่าลดลง ก็เนื่องจากราคาปรับตัวลดลง และคาดว่าการส่งออกข้าวจะลดลงด้วย เพราะอินเดีย จีน เวียดนาม เริ่มกลับมาผลิตได้เพิ่มมากขึ้น
ส่วนเรื่องของการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลนั้น หากทำให้เกิดความมั่นใจได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ กลุ่มเอกชนได้กล่าวในระหว่างการสัมมนา โครงการศูนย์พัฒนาผู้เชี่ยวชาญการอนุรักษ์พลังงานเฉพาะด้านในอุตสาหกรรมสิ่งทอและอาหาร โดยโครงการนี้ คาดหวังว่า จะทำให้ช่วยลดต้นทุนภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้สัดส่วนสูงที่สุดของประเทศ โดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 38 หากลดต้นทุนได้ก็จะทำให้เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน