สภาพัฒน์ แนะรัฐบาลใหม่ เตรียมเงินจ่ายชดเชยคนตกงานปี 52 จำนวนกว่า 6 แสนคน คาด เด็กจบใหม่ 3 แสนคน เสี่ยงเตะฝุ่นยาว ขณะที่ค่าใช้จ่ายครัวเรือน ยุครัฐบาล “หมัก-ชาย” พุ่งขึ้นอื้อ ขณะเดียวกัน พบว่า เยาวชนถูกวัตถุนิยมมอมเมาเพียบ
วันนี้ (08 ธันวาคม 2551) นางสุวรรณี คำมั่น รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ แถลงรายงานความเคลื่อนไหวทางสังคมในช่วงไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน) ปี 2551 โดคาดการณ์ว่า ผลกระทบจากอัตราการว่างงานของคนไทย มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น ทำให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) อาจต้องจ่ายเงินทดแทนกรณีว่างงาน ซึ่งหากมีการถูกเลิกจ้างจริง 6 แสนคน ซึ่งจะต้องมีภาระจ่ายเงินทดแทน ประมาณ 3,000 ล้านบาท สูงกว่ากระแสรายรับจากเงินสมทบ แต่สามารถที่จะชดเชยได้เนื่องจากมีระดับกองทุนสะสมประมาณ 40,000 ล้านบาท
สภาพัฒน์ ยังคาดอีกว่า ผู้ที่จบการศึกษาใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานในช่วงครึ่งแรกของทุกปี อาจจะหางานลำบากมากขึ้น และเชื่อว่า จะมีแรงงานใหม่ที่ว่างงานประมาณ 3 แสนคน ดังนั้น รัฐบาลใหม่จะต้องมีการใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสจากการถูกเลิกจ้างงาน หรือชะลอการผลิต โดยเร่งเพิ่มผลิตภาพทั้งในด้านพลังคนในด้านการศึกษา และเร่งลงทุนปรับทิศทางการพัฒนาการศึกษาทั้งอย่างเป็นองค์รวมและมีการบูรณาการปัจจัยสนับสนุนให้เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัญหาของสถานศึกษา ควบคู่กับการสร้างสังคมการเรียนรู้ในชุมชน
“ขณะเดียวกัน แม้ค่าใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ในการบริโภคเครื่องดื่มแฮลกอฮอล์ และยาสูบจะลดลง แต่กับเด็กอายุ 15-24 ปี กลับเพิ่มขึ้น ทำค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในปี 2551 สูงขึ้นทั้งค่ายาและค่ารักษา และทำให้ค่าใช้จ่ายครัวเรือนในปี 2551 อยู่ที่ประมาณ 556,226 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2550 ที่ประมาณ 541,929 ล้านบาท”
นางสุวรรณี กล่าวว่า อัตราการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ มีการแจ้งหายสูงถึง 5,036 คดี เป็น 1 ใน 3 ของคดีลักทรัพย์ เนื่องจากมีเครือข่ายที่ทำเป็นขบวนการ มีแหล่งรับซื้อ ทำให้สามารถจับกุมได้เพียง ร้อยละ 18.5 ของคดีที่แจ้ง ส่วนการจับกุมคดีอื่นๆ ทั้งยาเสพติดกลับมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเยาวชนที่มีความผิดเกี่ยวกับคดีทางด้านทรัพย์ จำนวน 3,572 คดี อายุระหว่าง 15-18 ปี ถึงร้อยละ 84
ขณะเดียวกัน ปัญหาทางสังคมในด้านอื่นๆ อาทิ ความเจ็บป่วยที่เกิดกับโรคไข้เลือดออกที่ คร่าชีวิตกับคนทุกวัย หลังจากที่ผ่านมาระมัดระวังแต่กับเด็ก รวมทั้งโรคชิคุกุนยา หรือโรคติดเชื้อจากอุบัติเหตุซ้ำ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็เป็นโรคที่คล่าชีวิตคนไทยไปมากเช่นกัน
ทั้งนี้ สภาพัฒน์ ยังให้ความสำคัญกับอิทธิพลของสื่อที่มีต่อเด็กและเยาวชนไทย โดยเฉพาะโทรทัศน์และอินเทอร์เนต กำลังเป็นภัยต่อตัวเด็กเอง แม้จะมีทั้งสื่อสร้างสรรค์และทำลาย ดังนั้น สังคมจึงต้องร่วมกันขจัดสื่อร้าย ขยายสื่อดี เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในอนาคต ซึ่งทุกภาคส่วนต้องรับผิดชอบร่วมกัน