“มิตรมายา” สวนพิษเศรษฐกิจปี 52 ซุ่มทำรายการสารคดีโทรทัศน์ ผุดรายการวิทยุ ลุยงานอีเว้นต์ คลอดพ๊อกเก็ตบุ๊ก 5 เล่ม ใจปล้ำเทเม็ดเงินอีก 5 ล้านบาท เสริมทัพนิตยสารใหม่อีก 2 เล่ม เชื่อรายได้เติบโตอีก 30%
นายชโลทร ศิวารัตน์ กรรมการบริหาร บริษัท มิตรมายา จำกัด และบรรณาธิการบริหารนิตรสารมิกซ์ (MIX) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2552 บริษัทฯได้มีการเจรจาไปทางฟรีทีวีอยู่ 3 ช่อง ในการขอเวลาเพื่อผลิตรายการการสารคดี เชื่อว่าในระยะอันใกล้นี้จะสามารถสรุปได้ว่าจะได้ออกอากาศทางช่องใด โดยสารคดีที่จะผลิตนั้นจะเป็นสารคดีแนวสาระ สนุกสนาน ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกวัย ภายใต้งบการลงทุนกว่า 10 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในช่วงระหว่างการคิดแผนงาน และคาดว่าจะสามารถดำเนินการถ่ายทำได้ในปีหน้า
นอกจากรายการโทรทัศน์แล้ว บริษัทยังได้สัมปทานคลื่นวิทยุจากกรมประชาสัมพันธ์ด้วยอีกคลื่นหนึ่ง ล่าสุดได้ทำการผลิตรายการวิทยุเพื่อเตรียมออกอากาศไว้ จนกว่ารายการเดิมจะหมดสัญญาสัมปทานคลื่นนี้ลง คาดว่าจะในระยะอันใกล้นี้ ส่วนรูปแบบรายการที่ผลิตนั้น จะเป็นแนววาไรตี้ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดด้านข่าวสาร หรือสาระความรู้
ในส่วนของธุรกิจสิ่งพิมพ์ ปีหน้าบริษัทฯ มีแผนต่อยอดธุรกิจต่อจากนิตยสารมิกซ์ โดยการเปิดตัวพ๊อกเก็ตบุ๊ก 5 เล่ม ซึ่ง 1 ใน 4 เล่มจะเป็นการนำเอาหนังสือแปล เกี่ยวกับตึกเวิลด์เทรด ขณะที่อีก 4 เล่มจะเป็นการนำเอาเนื้อหาที่อยู่ภายในนิตยสารมิกซ์ นำมาจัดทำเป็นรูปเล่ม โดยจะแบ่งเรื่องราวต่างๆออกเป็นเฉพาะกลุ่ม เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ นิตยสารมิกซ์ (MIX) ซึ่งเป็นนิตยสารกลุ่มผู้ชายวัยทำงานที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป หลังจากเปิดตัวมาได้ 2 ปี พบว่าได้รับการตอบรับจากผู้อ่านขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีฐานสมาชิกแล้วกว่า 800 คน ยอดพิมพ์จำหน่ายอยู่ที่ 70,000 เล่มต่อเดือน ในราคา 140 บาท เชื่อว่าในปีหน้าจะมีฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 20-25%
นายชโลทร กล่าวว่า สภาพการแข่งขันของตลาดนิตยสารขณะนี้ก็มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยกลยุทธ์ที่ใช้การแข่งขันส่วนใหญ่จะยังคงเป็นในเรื่องของโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ซึ่งที่ผ่านมากลยุทธ์ดังกล่าวบริษัทไม่ได้เข้าลงเล่นด้วยแต่อย่างไร แต่จะเน้นทำตลาดในเชิงอีโมชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง เป็นหลัก ส่วนในเรื่องของราคากระดาษที่ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นนั้น ทำให้ต้นทุนการผลิตของนิตยสารมิกซ์เพิ่มขึ้นประมาณที่ 10-15% ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการแก้ไขในสถานการณ์ดังกล่าวด้วยการลดต้นทุนภายในบริษัทฯ รวมไปถึงการใช้ศักยภาพของพนักงานภายในให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดแทน
ล่าสุดบริษัทยังได้เตรียมงบประมาณ 5-6 ล้านบาท สำหรับการเปิดตัวนิตยสารใหม่อีก 2 เล่ม โดยจะเป็นนิตยสารแนวเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเล่มแรกจะเป็นหนังสือด้านสารคดีเชิงวิชาการ ขณะที่เล่มที่ 2 เป็นหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวผจญภัย นอกจากนี้บริษัทยังได้เปิดให้ดำเนินธุรกิจอีเวนต์อีกด้วย ซึ่งเป็นลักษณะของการจัดงานแล้วไปเสนอขายให้กับสปอนเซอร์ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาได้ทำการจัดงานใหญ่ไป 2 งาน และงานเล็กอีก 3 งาน
ปัจจุบันบริษัทมีมีผลประกอบการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งแบ่งสัดส่วนรายได้เป็น อีเวนต์ 20% และนิตยสาร 80% ขณะที่ปีหน้าคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 25-30% โดยจะแบ่งสัดส่วนรายได้เป็น อีเวนต์ 35%, นิตยสาร 35% และพ็อกเก็ตบุ๊ก 35% สำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการที่บริษัทฯเปิดตัวนิตยสารใหม่ออกมาอีก 2 เล่ม และพ็อกเก็ตบุ๊กอีก 5 เล่ม รวมไปถึงการจัดงานอีเวนต์
นายชโลทร ศิวารัตน์ กรรมการบริหาร บริษัท มิตรมายา จำกัด และบรรณาธิการบริหารนิตรสารมิกซ์ (MIX) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2552 บริษัทฯได้มีการเจรจาไปทางฟรีทีวีอยู่ 3 ช่อง ในการขอเวลาเพื่อผลิตรายการการสารคดี เชื่อว่าในระยะอันใกล้นี้จะสามารถสรุปได้ว่าจะได้ออกอากาศทางช่องใด โดยสารคดีที่จะผลิตนั้นจะเป็นสารคดีแนวสาระ สนุกสนาน ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกวัย ภายใต้งบการลงทุนกว่า 10 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในช่วงระหว่างการคิดแผนงาน และคาดว่าจะสามารถดำเนินการถ่ายทำได้ในปีหน้า
นอกจากรายการโทรทัศน์แล้ว บริษัทยังได้สัมปทานคลื่นวิทยุจากกรมประชาสัมพันธ์ด้วยอีกคลื่นหนึ่ง ล่าสุดได้ทำการผลิตรายการวิทยุเพื่อเตรียมออกอากาศไว้ จนกว่ารายการเดิมจะหมดสัญญาสัมปทานคลื่นนี้ลง คาดว่าจะในระยะอันใกล้นี้ ส่วนรูปแบบรายการที่ผลิตนั้น จะเป็นแนววาไรตี้ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดด้านข่าวสาร หรือสาระความรู้
ในส่วนของธุรกิจสิ่งพิมพ์ ปีหน้าบริษัทฯ มีแผนต่อยอดธุรกิจต่อจากนิตยสารมิกซ์ โดยการเปิดตัวพ๊อกเก็ตบุ๊ก 5 เล่ม ซึ่ง 1 ใน 4 เล่มจะเป็นการนำเอาหนังสือแปล เกี่ยวกับตึกเวิลด์เทรด ขณะที่อีก 4 เล่มจะเป็นการนำเอาเนื้อหาที่อยู่ภายในนิตยสารมิกซ์ นำมาจัดทำเป็นรูปเล่ม โดยจะแบ่งเรื่องราวต่างๆออกเป็นเฉพาะกลุ่ม เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ นิตยสารมิกซ์ (MIX) ซึ่งเป็นนิตยสารกลุ่มผู้ชายวัยทำงานที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป หลังจากเปิดตัวมาได้ 2 ปี พบว่าได้รับการตอบรับจากผู้อ่านขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีฐานสมาชิกแล้วกว่า 800 คน ยอดพิมพ์จำหน่ายอยู่ที่ 70,000 เล่มต่อเดือน ในราคา 140 บาท เชื่อว่าในปีหน้าจะมีฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก 20-25%
นายชโลทร กล่าวว่า สภาพการแข่งขันของตลาดนิตยสารขณะนี้ก็มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น โดยกลยุทธ์ที่ใช้การแข่งขันส่วนใหญ่จะยังคงเป็นในเรื่องของโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ซึ่งที่ผ่านมากลยุทธ์ดังกล่าวบริษัทไม่ได้เข้าลงเล่นด้วยแต่อย่างไร แต่จะเน้นทำตลาดในเชิงอีโมชั่นแนล มาร์เก็ตติ้ง เป็นหลัก ส่วนในเรื่องของราคากระดาษที่ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นนั้น ทำให้ต้นทุนการผลิตของนิตยสารมิกซ์เพิ่มขึ้นประมาณที่ 10-15% ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการแก้ไขในสถานการณ์ดังกล่าวด้วยการลดต้นทุนภายในบริษัทฯ รวมไปถึงการใช้ศักยภาพของพนักงานภายในให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดแทน
ล่าสุดบริษัทยังได้เตรียมงบประมาณ 5-6 ล้านบาท สำหรับการเปิดตัวนิตยสารใหม่อีก 2 เล่ม โดยจะเป็นนิตยสารแนวเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเล่มแรกจะเป็นหนังสือด้านสารคดีเชิงวิชาการ ขณะที่เล่มที่ 2 เป็นหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวผจญภัย นอกจากนี้บริษัทยังได้เปิดให้ดำเนินธุรกิจอีเวนต์อีกด้วย ซึ่งเป็นลักษณะของการจัดงานแล้วไปเสนอขายให้กับสปอนเซอร์ ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาได้ทำการจัดงานใหญ่ไป 2 งาน และงานเล็กอีก 3 งาน
ปัจจุบันบริษัทมีมีผลประกอบการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งแบ่งสัดส่วนรายได้เป็น อีเวนต์ 20% และนิตยสาร 80% ขณะที่ปีหน้าคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 25-30% โดยจะแบ่งสัดส่วนรายได้เป็น อีเวนต์ 35%, นิตยสาร 35% และพ็อกเก็ตบุ๊ก 35% สำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการที่บริษัทฯเปิดตัวนิตยสารใหม่ออกมาอีก 2 เล่ม และพ็อกเก็ตบุ๊กอีก 5 เล่ม รวมไปถึงการจัดงานอีเวนต์
