แฉกลโกงพ่อค้าน้ำมัน สนพ.อัดค้ากำไรเกินควร-หากินบนหลังปชช.

สนพ. ลากไส้พ่อค้าน้ำมัน ระบุ ค้ากำไรเกินควร จี้ยังลดราคาลงอีก เพื่อให้สะท้อนต้นทุนจริง ลดภาระค่าครองชีพประจำวัน หลังราคาน้ำมันโลกดิ่งลงต่อเนื่อง แต่ผู้ค้ายังโก่งค่าการตลาด ถือเป็นการหากินบนหลังประชาชน

วันนี้ ( 21 พ.ย.) นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้ค้าน้ำมันว่า ตนเองได้กำชับให้ผู้ค้าน้ำมันทุกรายปรับลดราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพราะขณะนี้ค่าการตลาดอยู่ในเกณฑ์สูง ซึ่งจากการหารือผู้ค้าน้ำมันยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ดูแลผู้บริโภคและสถานีบริการให้อยู่ได้ใน ระยะยาวควบคู่กันไป

นายวีระพล กล่าวว่า ผู้ค้าน้ำมันได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า การลดราคาน้ำมันจะทำประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนสาเหตุที่ไม่สามารถปรับลดทุกวันได้ เพราะจะส่งผลให้เจ้าของสถานีบริการขาดทุน และในสถานีบริการพื้นที่ห่างไกลจะไม่กล้าซื้อน้ำมันไปขาย ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้มีสถานีบริการหลายแห่งได้ชะลอการขาย เพราะไม่ต้องการขาดทุน โดยการเปลี่ยนแปลงราคานั้น ปัจจุบันเป็นเรื่องของตลาดเสรี แต่เท่าที่หารือก็นับว่าได้รับความร่วมมือที่ดีในการทยอยปรับลดราคา

นายวีระพล กล่าวอีกว่า การค้าน้ำมันปีนี้เป็นราคาที่ผันผวน เพราะในช่วงครึ่งปีแรกราคาสูงมาก ผู้ค้าน้ำมันได้ทยอยขึ้นราคาและค่าการตลาดติดลบหรือขาดทุน โดยเฉพาะเดือน เม.ย. และเดือน พ.ค. ค่าการตลาด สถานีบริการเหลือประมาณ 0.11 บาท และ -0.58 บาทต่อลิตร ตามลำดับ

"ในช่วงตั้งแต่เดือน ก.ค.จนถึงขณะนี้ จากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ค่าการตลาดเฉลี่ยรายเดือนสูงประมาณ 2-3 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตาม เฉลี่ยทั้งปีค่าการตลาดในสถานีบริการเขตกรุงเทพฯ อยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร แต่หากเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 1.20 บาทต่อลิตร ซึ่งค่าการตลาดที่เหมาะสมอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร"

นายวีระพล ระบุว่า ตั้งแต่ราคาน้ำมันปรับลดลง การใช้น้ำมันยังไม่มีนัยที่ชัดเจนว่าปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเดือน ส.ค.การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินอยู่ที่ 19.06 ล้านลิตรต่อวัน และเดือน พ.ย. อยู่ที่ประมาณ 19.4 ล้านลิตรต่อวัน การใช้แก๊สโซฮอล์ ปรับเพิ่มขึ้นจาก 9.9 ล้านลิตรต่อวันเป็น 10.7 ล้านลิตรต่อวัน การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เพิ่มจาก 42.8 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มเป็น 45.5 ล้านลิตรต่อวัน

โดยยอดใช้ในส่วนของไบโอดีเซลบี 5 ได้ปรับสูงขึ้นตลอด จากระดับ 11.8 ล้านลิตรต่อวันในเดือน ก.ย. มาอยู่ที่ 13.96 ล้านลิตรต่อวัน ในเดือน พ.ย. และคาดว่าหลังจากส่วนต่างราคาอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตรแล้ว ความต้องการบี 5 จะปรับสูงขึ้น

ส่วนเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้น รัฐบาลยังคงยืนยันจะใช้ในอัตราปัจจุบัน จนถึงหมดมาตรการลดค่าครองชีพในวันที่ 31 ม.ค. 2552