ผู้บริหาร บางจากฯ คาดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน เตรียมปรับลดลงอีกลิตรละ 80 สตางค์ ปลายสัปดาห์นี้ ขณะที่ดีเซลยังคงเดิม เพราะมีอุปสงค์เพิ่มขึ้นในหน้าหนาว พร้อมยอมรับ ราคาน้ำมันขณะนี้ที่ปรับลดลงช้า เมื่อเทียบกับตลาดโลก ก็เป็นเพราะกลไกรัฐบาลที่ต้องการให้ค่อยๆ ปรับลด เพื่อช่วยเหลือดีลเลอร์น้ำมันไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป
วันนี้ (18 พ.ย.) นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ มีแนวโน้มปรับลดลงอีกประมาณ 80 สตางค์ต่อลิตร ปลายสัปดาห์นี้ หลังจากวันพรุ่งนี้ (19 พ.ย.) ผู้ค้าน้ำมันได้ประกาศปรับลดราคาไปแล้ว 40-80 สตางค์ต่อลิตร
ส่วนน้ำมันดีเซลที่อาจยังไม่ปรับลดราคา เนื่องจากราคาในตลาดโลกยังผันผวน ซึ่งพบว่า ราคายังมีการปรับขึ้นและลงสลับกันไป เป็นเพราะช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาว ความต้องการดีเซลยังมีอยู่ในอัตราสูงเพื่อนำไปทำความอบอุ่น โดยราคาดีเซลสิงคโปร์วานนี้ อยู่ที่ 69.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ในส่วนของกลุ่มเบนซิน ราคาปรับลดลงต่อเนื่อง เป็นผลพวงจากเศรษฐกิจโลกจนในปัจจุบันราคาเบนซินสิงคโปร์ เหลือเพียง 46.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบที่ ราคา 47.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบ ปี 2552 คาดอยู่ที่ราคาประมาณ 55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสหรัฐฯ ราคาอาจผันผวนอยู่ที่ประมาณ 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าความไม่สงบในจุดผลิตน้ำมันหรือไม่ ดังนั้น แม้ราคาน้ำมันขณะนี้จะลดลงมาก แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะปรับขึ้น จึงต้องรณรงค์ประหยัดพลังงานกันต่อไป ส่วนจะมีการเพิ่มการจัดเก็บภาษีน้ำมันก่อนครบกำหนด 6 เดือน ในวันที่ 1 ก.พ.2552 หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาล
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (พีคิวไอ) ได้เลื่อนกำหนดเปิดเดือนเครื่องจากเดือน ธ.ค.2551 เป็น ม.ค. 2552 เหตุผลจากราคาน้ำมันที่ลดลง และต้องการทำบันทึกบัญชีเริ่มตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นไป โดยหลังจากพีคิวไอเกิดขึ้นแล้วจะทำให้ค่าการกลั่นเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
โดยคาดว่า ปีหน้าจะได้ประมาณ 7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากที่ปีนี้ได้ค่าการกลั่นไม่รวมการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อมราคา (อีบิทด้า) จะเพิ่มขึ้นจาก 2,000 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งที่ได้ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นเป็นเพราะได้ทำประกันความเสี่ยงมาร์จินที่ประมาณ 40%
ทั้งนี้ ในปี 2551 นับเป็นปีที่ดีของธุรกิจน้ำมันทั้งโรงกลั่นและค้าปลีก เพราะโรงกลั่นช่วงครึ่งแรกสถานการณ์ดีและมาขาดทุนครึ่งหลัง ในขณะที่ค่าการตลาดค้าปลีกช่วงครึ่งแรกขาดทุน แต่ครึ่งหลังดีขึ้น ทำให้ค่าการตลาดขณะนี้ได้ในอัตรา 1.20 บาทต่อลิตร ซึ่งการที่ราคาน้ำมันขณะนี้ลดลงช้าเมื่อเทียบกับตลาดโลก ก็เป็นเพราะค่อยๆ ปรับลด เพื่อช่วยเหลือดีลเลอร์น้ำมันไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป