โยนกันวุ่น! น้ำมันขึ้นเร็ว-ลงช้า ปชช.มึนใครป่วนตลาดน้ำมัน

สนพ.นัดประชุมผู้ค้าน้ำมันทุกราย 21 พ.ย.นี้ หลังเสียงก่นด่า น้ำมันขึ้นเร็ว-ลงช้า ผู้เชี่ยวชาญฯ ข้องใจ ค่าการตลาดสูงผิดปกติ 2-3 บาทต่อลิตร "บิ๊ก ปตท." ยันฟาดค่าการตลาดแค่ลิตรละ 1 บาท

วันนี้ ( 20 พ.ย.) นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ สนพ.ได้เชิญผู้ค้าน้ำมันมาหารือเรื่องการปรับลดราคาน้ำมัน เพราะแม้จะเป็นตลาดเสรีและเข้าใจสภาพการค้าน้ำมันว่า ไม่สามารถปรับลดราคาทุกวันได้ เพราะจะกระทบดีลเลอร์และสถานีบริการน้ำมันต่างๆ ประสบภาวะขาดทุน

แต่เนื่องจากค่าการตลาดขณะนี้อยู่ระดับสูงมาก 3-5 บาทต่อลิตร จึงอยากขอความร่วมมือให้มีการปรับลดราคาน้ำมันให้รวดเร็วกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งเข้าใจว่าคงไม่สามารถปรับลดได้ทุกวัน แต่จะทำ อย่างไรให้ปรับลดมากกว่านี้ เพื่อสะท้อนต้นทุนให้มากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทราบว่าระเบียบปฏิบัติจะทำอย่างไรได้บ้าง

ด้านนายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ค่าการตลาดน้ำมันสูงระดับสูงผิดปกติถึง 2-3 บาทต่อลิตร จากปกติ ที่ควรอยู่ที่ 1-1.50 บาทต่อลิตร ดังนั้นเห็นว่าผู้ค้าน้ำมันควรเร่งปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกให้ทันกับการปรับลดราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่การปรับลดลงไม่ควรเร็วเกินไป หรือไม่ควรปรับลดราคาทุกวัน แต่ควรปรับ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ปั๊มน้ำมันปรับตัว เนื่องจากต้องมีการเก็บสต็อคน้ำมัน 2-3 วัน

"จากเท่าที่ดูตั้งแต่ต้นปี ค่าการตลาดไม่ได้อยู่สูงมากนัก โดยช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา ค่าการตลาดอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร แต่ช่วงนี้สูงถึง 2-3 บาท ดังนั้นควรต้องปรับลดราคาลงให้ทันตลาดโลก"

ขณะที่ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันว่า ค่าการตลาดน้ำมันที่ ปตท.จำหน่ายปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่ลิตรละ 1 บาทเศษเท่านั้น ซึ่งค่าการตลาดที่สูง ได้แก่ น้ำมันเบนซิน 95 ซึ่งตอนนี้ ปตท.ไม่ได้เป็นผู้จำหน่ายแล้ว

ทั้งนี้ ปตท.ได้เข้าช่วยเหลือผู้แทนจำหน่ายรายย่อยในการให้ส่วนลดราคาน้ำมันล่วงหน้า เพื่อให้ค่าการตลาดไม่ติดลบ และอยู่ในระดับ 50 สตางค์ ถึง 1 บาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัญหาดังกล่าวคงเป็นเพียงชั่วคราว เพราะเชื่อว่าราคาน้ำมันเข้าอยู่ภาวะนิ่งแล้ว

นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ค่าการตลาดเบนซิน 95 ที่สูงถึง 7 บาทนั้น คงเป็นเพราะมีผู้จำหน่ายน้อยและผู้ใช้น้อย ซึ่งหากประชาชนเห็นว่าราคาสูงก็ควรหันไปใช้น้ำมันประเภทอื่นแทน