xs
xsm
sm
md
lg

“โอฬาร” โชว์กึ๋นมืออาชีพ แบ่งเค้ก 1 แสน ล.ดูแลคนตกงานปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“โอฬาร” โชว์กึ๋นมืออาชีพตัวจริง เย้ย “ไชยา” บอกเคยทำนายเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีปัญหากระทบทั้งโลก มั่นใจไทยแค่ไอหรือจาม เพราะใช้ 6 มาตรการรับมือได้อยู่หมัด ลั่นจัดสรรงบกลาง 1 แสนล้าน ช่วยดูแลคนตกงานปี 52

วันนี้ (14 พ.ย.) นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายแสดงความวิตกกังวลปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกจะมีความรุนแรงมากในปี 2552 และจะกระทบต่อไทยรุนแรงตามไปด้วยนั้น เหมือนกับที่ตนเองเคยพูดไว้เมื่อก่อนหน้านี้ โดยบอกว่า ถ้าสหรัฐอเมริกา มีปัญหา จะทำให้ทั้งโลกกระเทือนไปด้วย แต่ขณะนี้ปัจจัยต่างๆ เริ่มเปลี่ยนไปมากแล้ว เพราะปัญหาในรอบนี้ สหรัฐฯเป็นไข้หนักมาแล้วปีครึ่ง แต่ไทยเพียงแต่หวัดหรือจามเท่านั้น

นายโอฬาร ยังระบุอีกว่า 6 มาตรการของรัฐบาลที่ออกไป ทั้งด้านตลาดทุน สภาพคล่อง เมกะโปรเจกต์ และการตั้งกองทุนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน น่าจะรับมือปัญหาในรอบนี้ได้ แต่ก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะตลาดหุ้นก็มีกองทุนหลายประเภทดูแลเข้าไปซื้อหุ้นอยู่

ด้านสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ นายโอฬาร แสดงความมั่นใจว่า ยังมีสภาพคล่องเพียงพอ แต่ต้องดูให้สอดคล้องกับความต้องการสินเชื่อของอุตสาหกรรมในแต่ละช่วง เพราะแม้อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำ ไม่ได้หมายความว่า ยุคนี้จะมีความต้องการกู้มากขึ้น เพราะต้องอยู่ที่ความเชื่อมั่นในการขยายกิจการของกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่แบงก์เองก็ต้องดูว่าสินเชื่อที่ปล่อยไปในแต่ละช่วงมีความเสี่ยงหรือไม่

“ตอนนี้ เรื่องสำคัญที่ผมมีความเป็นห่วง คือ ปัญหาการว่างงานจากโรงงาน เพราะเชื่อว่าจะมีการแห่ปิดกิจการอีกเยอะ ดังนั้น ในการหารือกับนางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในวันจันทร์ (17 พ.ย.) ผมจะพิจารณาเกี่ยวกับการใช้งบกลาง 1 แสนล้านบาท เพื่อมาช่วยดูแลปัญหาคนตกงาน” นายโอฬาร กล่าวและเพิ่มเติมว่า

นอกจากนี้ ทุกส่วนกำลังมีความกังวลใจว่า อาจมีผู้ตกงานเป็นจำนวนมากจากปัญหาเศรษฐกิจถดถอย ผมจึงให้หน่วยงานต่างๆ ไปสำรวจข้อมูลว่ามีโรงงานประเภทใดเริ่มมีปัญหาต้องปลดคนงาน หรืออาจต้องปิดกิจการ โดยเฉพาะโรงงานในแถบอ้อมใหญ่ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมโรจน พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีแรงงานในต่างจังหวัดเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะใช้งบกลางไปช่วยพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีคุณภาพมากขึ้น และตรงกับความต้องการแรงงานของโรงงานแห่งใหม่ ทำให้ในช่วงที่หยุดงานจะมีการฝึกฝีมือแรงงาน และผู้ตกงานก็ยังได้รับเงินชดเชยถึง 6 เดือนจากกองทุนประกันสังคม เพราะช่วงที่มีการปิดกิจการก็ยังมีโรงงานที่ต้องการแรงงานมีคุณภาพ

สำหรับแนวคิดโครงการผู้ส่งออกเอสเอ็มอีตลาดใหม่ ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีก็เป็นแนวคิดที่ดี เพราะหากผู้ประกอบการที่เคยผลิตสินค้าเสื้อผ้า สิ่งทอ การประกอบสินค้า เพื่อส่งออกไปต่างประเทศในช่วง 10-20 ปี ที่ผ่านมา เมื่อต้นทุนสูงขึ้นอุตสาหกรรมประเภทดังกล่าว จะมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ 1.การปิดกิจการ หรือหันประกอบการธุรกิจประเภทอื่น 2.การพัฒนาสินค้าประเภทเดิม โดยต้องต้องย้ายไปอยู่ในแถบประเทศเพื่อนบ้าน แรงงานไทยจะตามไปก็ไม่ได้

ดังนั้น เอ็กซิมแบงก์ หรือ รัฐบาล ก็ต้องดูแลการย้ายโรงงาน การให้สินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการรายเดิมมีความเข้มแข็ง

นายโอฬาร กล่าวเพิมเติมว่า หลังจากเดินสายรับฟังปัญหาจากเอกชนสาขาต่างๆ ทั้งตลาดทุน ธนาคาร สภาหอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรม (ส.อ.ท.) เมื่อรับฟังความคิดเห็นที่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลครบทุกด้านแล้ว ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ จะประชุมร่วมกันทั้งหมดในคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กกร.) เพื่อสรุปข้อเสนอและปัญหาของทุกกลุ่ม ในการให้ความช่วยเหลือหรือออกมาตรการอื่นเพิ่มเติม เพื่อให้แต่ละกระทรวงที่รับผิดชอบดูแลเอกชนไปช่วยแก้ปัญหา ทั้งกระทรวงการคลัง พาณิชย์ เกษตร อุตสาหกรรม แรงงาน โดยเฉพาะการส่งออกยอมรับว่าเป็นห่วงเพราะตลาดหลักทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป มีคำสั่งซื้อน้อยลง จึงต้องหาแนวทางในการช่วยเหลือผู้ส่งออก
กำลังโหลดความคิดเห็น