ครม.ไฟเขียวขยายวงเงินลดหย่อนภาษีลงทุนกองทุน LTF-RMF จากเดิม 5 แสนบาท/ปี เพิ่มเป็น 7 แสนบาท/ปี เป็นการชั่วคราว โดยให้มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.51 โดยยังคงกำหนดให้หักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง โดยไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน
วันนี้ (14 ต.ค.) นายสาธิต รังคสิริ ที่ปรึกษาด้านยุทธ์ศาสตร์การจัดเก็บภาษีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยการขยายวงเงิน การหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) จากปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี ให้หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 7 แสนบาทต่อปี
และการขยายวงเงินการหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีสำหรับเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จากปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้หักได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี ให้หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 7 แสนบาทต่อปี
การขยายวงเงินการยกเว้นภาษีข้างต้นเห็นสมควรว่าควรกำหนดเป็นมาตรการชั่วคราวโดยมีผลสำหรับหน่วยลงทุนที่ได้มีการซื้อระหว่างวันที่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.2551
“การขยายวงเงิน RMF และLTF จะช่วยส่งเสริมให้ผู้มีรายได้ประจำนำเงินออมไปลงทุนในกองทุนทั้ง 2 มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขยายตัวตามมา ส่วนผลกระทบต่อรายได้ภาษีอากรนั้นยอมรับว่ารัฐบาลได้รับผลกระทบต่อรายได้ แต่ไม่มากนัก” นายสาธิต กล่าว
ทั้งนี้ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าการเพิ่มวงเงิน หรือการหักลดหย่อนภาษี RMF และ LTF รัฐจะได้รับผลกระทบต่อรายได้ถึง 900 ล้านบาทต่อปี
วันนี้ (14 ต.ค.) นายสาธิต รังคสิริ ที่ปรึกษาด้านยุทธ์ศาสตร์การจัดเก็บภาษีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยการขยายวงเงิน การหักค่าลดหย่อนในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ(RMF) จากปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี ให้หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 7 แสนบาทต่อปี
และการขยายวงเงินการหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีสำหรับเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จากปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้หักได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี ให้หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 7 แสนบาทต่อปี
การขยายวงเงินการยกเว้นภาษีข้างต้นเห็นสมควรว่าควรกำหนดเป็นมาตรการชั่วคราวโดยมีผลสำหรับหน่วยลงทุนที่ได้มีการซื้อระหว่างวันที่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.2551
“การขยายวงเงิน RMF และLTF จะช่วยส่งเสริมให้ผู้มีรายได้ประจำนำเงินออมไปลงทุนในกองทุนทั้ง 2 มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขยายตัวตามมา ส่วนผลกระทบต่อรายได้ภาษีอากรนั้นยอมรับว่ารัฐบาลได้รับผลกระทบต่อรายได้ แต่ไม่มากนัก” นายสาธิต กล่าว
ทั้งนี้ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าการเพิ่มวงเงิน หรือการหักลดหย่อนภาษี RMF และ LTF รัฐจะได้รับผลกระทบต่อรายได้ถึง 900 ล้านบาทต่อปี
