บลจ.อเบอร์ดีน แนะนักลงทุนเลือกลงทุนบริษัทที่ดีในภาวะตลาดผันผวน เผยอุตสากรรมกองทุนรวมในช่วงนี้ ยังเน้นไปที่กองทุน LTF และ คอมมอดีตี้ ระบุเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังนี้ดีกว่าครึ่งปีแรก
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยถึงบรรยากาศการลงทุนในอุตสาหกรรมกองทุนรวมขณะนี้ว่า การลงทุนในช่วงนี้ส่วนใหญ่ยังเน้นไปที่การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) รวมไปถึงการโปรโมทกองทุนประเภทคอมมอดีตี้ เช่น ทองคำเป็นต้น โดยในส่วนของ บลจ. อเบอร์ดีนเองนักลงทุนยังให้ความสนใจในกองทุน LTF และกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ซึ่งทางบริษัทเน้นให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สถานการณ์ของเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศเริ่มดีขึ้นหลังจากข่าวร้ายต่างๆได้สะท้อนไปกับราคาหุ้นค่อนข้างมากแล้ว ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวมส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อเร็วนี้ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2553 จะเติบโตอยู่ที่ 3-3.5% รวมถึงประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียด้วยเช่นกัน
นายชัยเกษม ยังกล่าวต่อว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น คาดว่าบริษัทต่างๆน่าจะได้รับอานิสงส์ตามไปด้วยเช่น สถาบันการเงิน บริษัทค้าปลีก ซึ่งหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจึงเป็นที่น่าสนใจเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภาวะการลงทุนในประเทศไทยนั้น ยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาในเรื่องของการเมืองอยู่ เช่น การชุมชุม ปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นที่จับตามองของบรรดานักลงทุนอยู่
หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บลจ.อเบอร์ดีน แนะนำนักลงทุนว่า แม้ตลาดหุ้นจะมีความผันผวน แต่หากเลือกลงทุนในบริษัทที่ดีและลงทุนในระยะยาวแล้วคาดว่าจะน่าได้ผลตอบแทนที่ดี โดยในส่วนของกองทุนหุ้นของบลจ.อเบอร์ดีนนั้น ยังคงเน้นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตที่ดีอยู่ และยังไม่ได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนแต่อย่างใด
"ตลาดหุ้นในบ้านเราแม้จะมีความผันผวนแต่เมื่อมองในระยะยาวแล้วยังเป็นทิศทางที่ดีอยู่ และคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้เศรษฐกิจน่าจะดีกว่าครึ่งปีหน้าอย่างแน่นอน" นายชัยเกษม กล่าว
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยถึงบรรยากาศการลงทุนในอุตสาหกรรมกองทุนรวมขณะนี้ว่า การลงทุนในช่วงนี้ส่วนใหญ่ยังเน้นไปที่การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) รวมไปถึงการโปรโมทกองทุนประเภทคอมมอดีตี้ เช่น ทองคำเป็นต้น โดยในส่วนของ บลจ. อเบอร์ดีนเองนักลงทุนยังให้ความสนใจในกองทุน LTF และกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ซึ่งทางบริษัทเน้นให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สถานการณ์ของเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศเริ่มดีขึ้นหลังจากข่าวร้ายต่างๆได้สะท้อนไปกับราคาหุ้นค่อนข้างมากแล้ว ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจในภาพรวมส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อเร็วนี้ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2553 จะเติบโตอยู่ที่ 3-3.5% รวมถึงประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียด้วยเช่นกัน
นายชัยเกษม ยังกล่าวต่อว่า จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนั้น คาดว่าบริษัทต่างๆน่าจะได้รับอานิสงส์ตามไปด้วยเช่น สถาบันการเงิน บริษัทค้าปลีก ซึ่งหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจึงเป็นที่น่าสนใจเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภาวะการลงทุนในประเทศไทยนั้น ยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาในเรื่องของการเมืองอยู่ เช่น การชุมชุม ปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นที่จับตามองของบรรดานักลงทุนอยู่
หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บลจ.อเบอร์ดีน แนะนำนักลงทุนว่า แม้ตลาดหุ้นจะมีความผันผวน แต่หากเลือกลงทุนในบริษัทที่ดีและลงทุนในระยะยาวแล้วคาดว่าจะน่าได้ผลตอบแทนที่ดี โดยในส่วนของกองทุนหุ้นของบลจ.อเบอร์ดีนนั้น ยังคงเน้นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตที่ดีอยู่ และยังไม่ได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนแต่อย่างใด
"ตลาดหุ้นในบ้านเราแม้จะมีความผันผวนแต่เมื่อมองในระยะยาวแล้วยังเป็นทิศทางที่ดีอยู่ และคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้เศรษฐกิจน่าจะดีกว่าครึ่งปีหน้าอย่างแน่นอน" นายชัยเกษม กล่าว