ปตท.ประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดอีก 1 บาท/ลิตร โดยให้มีผล 05.00 น.วันพรุ่งนี้ ผู้บริหารเผยตั้งแต่ ก.ค.51 ถึงปัจจุบัน ลดราคาเป็นครั้งที่ 27 รวมกลุ่มเบนซินลดลงถึง 13.70 บาท/ลิตร และกลุ่มดีเซลลดลงถึง 18.50 บาท/ลิตร
วันนี้ (14 ต.ค.) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เตรียมประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดภายในประเทศลงอีกลิตรละ 1 บาท โดยให้มีผล 05.00 น.พรุ่งนี้
ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันของ ปตท.ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ น้ำมันเบนซิน พีทีที E 85 พลัส 17.29 บาท/ลิตร, น้ำมันเบนซิน พีทีที E 20 พลัส 24.19 บาท/ลิตร, น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95 25.49 บาท/ลิตร, น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91 24.69 บาท/ลิตร, น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 31.99 บาท/ลิตร, น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที B5 พลัส 25.04 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ 25.74 บาท/ลิตร
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.กล่าวว่า กาปรับลดราคาน้ำมันทุกครั้ง ปตท.ยืนยันว่า ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเสมอ และให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายมีความสมดุลและสมเหตุสมผล ที่สำคัญสะท้อนตามกลไกของตลาด โดยเฉพาะเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัว ปตท.ได้พิจารณาปรับลดราคาลงตามเช่นกัน ซึ่งในรอบ 15 วันของเดือนนี้ ปตท.ได้ลดราคาน้ำมันขายปลีกลงติดต่อกันถึง 7 ครั้งแล้ว รวมกลุ่มเบนซินลดลงถึง 3.20 บาท/ลิตร และกลุ่มดีเซลลดลงถึง 5 บาท/ลิตร (ตั้งแต่ ก.ค.51 ถึงปัจจุบัน ลดราคาเป็นครั้งที่ 27 รวมกลุ่มเบนซินลดลงถึง 13.70 บาท/ลิตร และกลุ่มดีเซลลดลงถึง 18.50 บาท/ลิตร)
ปตท.ได้ปฏิบัติหน้าที่บริษัทพลังงานแห่งชาติอย่างเต็มที่ ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่า การพิจารณาค่าการตลาดจะดูเพียงวันใดวันหนึ่งไม่ได้ อีกทั้งต้องพิจารณาจากปัจจัยโดยรวม เห็นได้ว่าในช่วงเฉลี่ยทั้งปีค่าการตลาดอยู่ในระดับต่ำคือประมาณ 95 สตางค์/ลิตร เท่านั้น ซึ่งค่าการตลาดที่เหมาะสม คือ 1.50 บาท/ลิตร แสดงให้เห็นว่า ปตท. ได้พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุด โดย ปตท.ได้รับภาระแทนประชาชนในช่วง 4 ปีนี้ (2548-2551) ถึงกว่า 14,000 ล้านบาทแล้ว
ทั้งนี้ ถึงแม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกและประเทศจะมีราคาถูกลงแล้ว แต่สภาพเศรษฐกิจของโลกในปัจจุบันมีความอ่อนไหวมาก อาจมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นได้ อีกทั้งประเทศไทยเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมัน ดังนั้น หากทุกคนไม่เตรียมพร้อมและประหยัดการใช้พลังงานทุกประเภทก็อาจได้รับผลกระทบได้
วันนี้ (14 ต.ค.) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เตรียมประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดภายในประเทศลงอีกลิตรละ 1 บาท โดยให้มีผล 05.00 น.พรุ่งนี้
ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันของ ปตท.ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ น้ำมันเบนซิน พีทีที E 85 พลัส 17.29 บาท/ลิตร, น้ำมันเบนซิน พีทีที E 20 พลัส 24.19 บาท/ลิตร, น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 95 25.49 บาท/ลิตร, น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ พลัส 91 24.69 บาท/ลิตร, น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 31.99 บาท/ลิตร, น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที B5 พลัส 25.04 บาท/ลิตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ 25.74 บาท/ลิตร
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.กล่าวว่า กาปรับลดราคาน้ำมันทุกครั้ง ปตท.ยืนยันว่า ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเสมอ และให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายมีความสมดุลและสมเหตุสมผล ที่สำคัญสะท้อนตามกลไกของตลาด โดยเฉพาะเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัว ปตท.ได้พิจารณาปรับลดราคาลงตามเช่นกัน ซึ่งในรอบ 15 วันของเดือนนี้ ปตท.ได้ลดราคาน้ำมันขายปลีกลงติดต่อกันถึง 7 ครั้งแล้ว รวมกลุ่มเบนซินลดลงถึง 3.20 บาท/ลิตร และกลุ่มดีเซลลดลงถึง 5 บาท/ลิตร (ตั้งแต่ ก.ค.51 ถึงปัจจุบัน ลดราคาเป็นครั้งที่ 27 รวมกลุ่มเบนซินลดลงถึง 13.70 บาท/ลิตร และกลุ่มดีเซลลดลงถึง 18.50 บาท/ลิตร)
ปตท.ได้ปฏิบัติหน้าที่บริษัทพลังงานแห่งชาติอย่างเต็มที่ ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่า การพิจารณาค่าการตลาดจะดูเพียงวันใดวันหนึ่งไม่ได้ อีกทั้งต้องพิจารณาจากปัจจัยโดยรวม เห็นได้ว่าในช่วงเฉลี่ยทั้งปีค่าการตลาดอยู่ในระดับต่ำคือประมาณ 95 สตางค์/ลิตร เท่านั้น ซึ่งค่าการตลาดที่เหมาะสม คือ 1.50 บาท/ลิตร แสดงให้เห็นว่า ปตท. ได้พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุด โดย ปตท.ได้รับภาระแทนประชาชนในช่วง 4 ปีนี้ (2548-2551) ถึงกว่า 14,000 ล้านบาทแล้ว
ทั้งนี้ ถึงแม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกและประเทศจะมีราคาถูกลงแล้ว แต่สภาพเศรษฐกิจของโลกในปัจจุบันมีความอ่อนไหวมาก อาจมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้นได้ อีกทั้งประเทศไทยเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมัน ดังนั้น หากทุกคนไม่เตรียมพร้อมและประหยัดการใช้พลังงานทุกประเภทก็อาจได้รับผลกระทบได้
