เชลล์ ขอดูราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ วันนี้ ผู้บริหารเผยแนวโน้มอาจต้องปรับขึ้นราคา 50-80 ส.ต./ลิตร ชี้ค่าการตลาดเหลือเพียงลิตรละ 20-30 ส.ต.เท่านั้น โดยสัปดาห์ก่อน ยังมีค่าการตลาดสูงถึงลิตรละ 3 บาท เชื่อ วิกฤตการเงินสหรัฐฯ ไม่กระทบการทำธุรกิจน้ำมัน แต่อาจส่งผลดีราคาน้ำมันอาจปรับลด เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอทำให้ความต้องการใช้ลดลง
วันนี้ (24 ก.ย.) นายธีรพจน์ วัชราภัย ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เชลล์ขอรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ช่วงปิดตลาดเย็นนี้ก่อนพิจารณาตัดสินใจปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ โดยหากราคาปรับตัวสูงขึ้นอีกก็จะพิจารณาปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศทุกผลิตภัณฑ์อีกลิตรละ 50-80 ส.ต.
ปัจจุบันผู้ค้าน้ำมันมีค่าการตลาดอยู่ที่ลิตรละ 20-30 ส.ต.เท่านั้น แม้สัปดาห์ก่อนจะมีค่าการตลาดสูงถึงลิตรละ 3 บาท แต่เมื่อเฉลี่ยทั้งปีแล้วค่าการตลาดอยู่ที่ลิตรละ 1.15 บาท จากระดับที่ควรจะเป็นลิตรละ 1.50-1.60 บาท
สำหรับราคาน้ำมันขายปลีกในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 35.19 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 27.69 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 26.89 บาท และดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 30.74 บาท
สำหรับวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา นายธีรพจน์ เชื่อว่า จะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำธุรกิจน้ำมันแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลต่ออัตราการเจริญเติบโตของประเทศที่ประสบปัญหา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในแต่ละประเทศแต่หากความต้องการใช้น้ำมันลดลงก็จะทำให้ราคาปรับลดลงได้
นอกจากนี้ ประธานบริษัท เชลล์ในประเทศไทย ยังรอดูนโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมาหรือไม่ โดยเห็นว่า นโยบายเดิมที่เน้นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนถือว่าเดินมาถูกทางแล้วแต่ควรเลือกส่งเสริมชนิดพลังงานให้มีความเหมาะสม ขณะเดียวกันเชลล์ยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะผลิตน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 20 และ อี85 เนื่องจากหัวจ่ายไม่เพียงพอและต้องใช้เงินลงทุนสูง ขณะที่ผู้ใช้รถมีน้อยซึ่งไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน
