"บุช" ยืนยันจะใช้ทุกวิธีเพื่อรับมือกับวิกฤตการเงิน คาดอัดฉีดสภาพคล่องสิ้นเดือนนี้ ชี้ต้นตอระบบสินเชื่อของสหรัฐอยู่ในภาวะชะงักงัน ส่งผล กระทบต่อการทำธุรกรรมรายวันของธุรกิจชาวอเมริกัน-เศรษฐกิจผันผวน เนื่อจากธนาคารหลายแห่งขาดแคลนเงินทุนและขาดความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันในการปล่อยกู้
วันนี้ (11 ต.ค.) ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ ได้ออกมาให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องและใช้ทุกวิถีทางเพื่อรับมือกับปัญหาระบบการเงินโลกที่อยู่ในภาวะที่เลวร้ายอันเนื่องมาจากปัญหาซับไพรม์ของสหรัฐฯ โดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จะเป็นหน่วยงานหลักที่ผลักดันเรื่องการช่วยเหลือสถาบันการเงินที่ประสบปัญหาจากการใช้มาตรการกอบกู้วิกฤตการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสภาคองเกรสและวุฒิสภาได้รับรองไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ประธานาธิบดีบุช กล่าวว่า กฎหมายฉบับใหม่นี้ให้อำนาจแก่กระทรวงการคลังในการใช้มาตรการที่หลากหลายเพื่อช่วยธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ระดมทุน ตลอดจนให้อำนาจกับกระทรวงในการซื้อหรือรับประกันสินทรัพย์ที่มีปัญหา รวมทั้งการซื้อหุ้นในสถาบันการเงินต่างๆ
ทีมงานด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีบุช คาดว่าจะอัดฉีดเงินทุนเข้าระบบอย่างเร็วสุดในช่วงสิ้นเดือนนี้ ส่วนมาตรการอื่นๆ อาทิ การรับประกันหนี้ธนาคารที่อยู่ในรูปของเงินดอลลาร์ ตลอดจนการรับประกันเงินฝากธนาคารทุกแห่งเป็นการชั่วคราว
ประธานาธิบดีบุช กล่าวว่า ธนาคารหลายแห่งขาดแคลนเงินทุนและยังขาดความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันในการปล่อยกู้ ส่งผลให้ระบบสินเชื่อของสหรัฐอยู่ในภาวะชะงักงัน กระทบต่อการทำธุรกรรมรายวันของธุรกิจชาวอเมริกัน และยังทำให้เศรษฐกิจสหรัฐผันผวน
